逐节对照
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - แม้กระนั้นพวกเขายังจะทำบาปอีก แม้พระองค์ได้ทำให้เห็นสิ่งอัศจรรย์ต่างๆ แล้ว พวกเขาก็ยังไม่เชื่อ
- 新标点和合本 - 虽是这样,他们仍旧犯罪, 不信他奇妙的作为。
- 和合本2010(上帝版-简体) - 虽是这样,他们仍旧犯罪, 不信他奇妙的作为。
- 和合本2010(神版-简体) - 虽是这样,他们仍旧犯罪, 不信他奇妙的作为。
- 当代译本 - 即使如此, 他们依旧犯罪, 不相信上帝奇妙的作为。
- 圣经新译本 - 虽然经历了这一切,他们仍然犯罪; 尽管 看见这些奇事,他们仍不相信。
- 中文标准译本 - 即使如此,他们还是犯罪, 不相信他的奇妙作为。
- 现代标点和合本 - 虽是这样,他们仍旧犯罪, 不信他奇妙的作为。
- 和合本(拼音版) - 虽是这样,他们仍旧犯罪, 不信他奇妙的作为。
- New International Version - In spite of all this, they kept on sinning; in spite of his wonders, they did not believe.
- New International Reader's Version - But even after all that, they kept on sinning. Even after the wonderful things he had done, they still didn’t believe.
- English Standard Version - In spite of all this, they still sinned; despite his wonders, they did not believe.
- New Living Translation - But in spite of this, the people kept sinning. Despite his wonders, they refused to trust him.
- The Message - And—can you believe it?—they kept right on sinning; all those wonders and they still wouldn’t believe! So their lives wasted away to nothing— nothing to show for their lives but a ghost town. When he cut them down, they came running for help; they turned and pled for mercy. They gave witness that God was their rock, that High God was their redeemer, But they didn’t mean a word of it; they lied through their teeth the whole time. They could not have cared less about him, wanted nothing to do with his Covenant.
- Christian Standard Bible - Despite all this, they kept sinning and did not believe his wondrous works.
- New American Standard Bible - In spite of all this they still sinned And did not believe in His wonderful works.
- New King James Version - In spite of this they still sinned, And did not believe in His wondrous works.
- Amplified Bible - In spite of all this they still sinned, For they did not believe in His wonderful and extraordinary works.
- American Standard Version - For all this they sinned still, And believed not in his wondrous works.
- King James Version - For all this they sinned still, and believed not for his wondrous works.
- New English Translation - Despite all this, they continued to sin, and did not trust him to do amazing things.
- World English Bible - For all this they still sinned, and didn’t believe in his wondrous works.
- 新標點和合本 - 雖是這樣,他們仍舊犯罪, 不信他奇妙的作為。
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 雖是這樣,他們仍舊犯罪, 不信他奇妙的作為。
- 和合本2010(神版-繁體) - 雖是這樣,他們仍舊犯罪, 不信他奇妙的作為。
- 當代譯本 - 即使如此, 他們依舊犯罪, 不相信上帝奇妙的作為。
- 聖經新譯本 - 雖然經歷了這一切,他們仍然犯罪; 儘管 看見這些奇事,他們仍不相信。
- 呂振中譯本 - 雖經過了這一切,他們仍然犯罪, 不信上帝奇妙的作為。
- 中文標準譯本 - 即使如此,他們還是犯罪, 不相信他的奇妙作為。
- 現代標點和合本 - 雖是這樣,他們仍舊犯罪, 不信他奇妙的作為。
- 文理和合譯本 - 民猶干罪、不信其奇行兮、
- 文理委辦譯本 - 民猶犯罪、不信異跡、
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 雖然如此、民仍犯罪、不信主之奇跡、
- 吳經熊文理聖詠與新經全集 - 作惡如故。尚不知警。
- Nueva Versión Internacional - A pesar de todo, siguieron pecando y no creyeron en sus maravillas.
- 현대인의 성경 - 그런데도 그들이 계속 죄를 짓고 기적을 보고도 그를 신뢰하지 않았으므로
- La Bible du Semeur 2015 - Malgré cela, ils ont péché encore, ils n’ont pas eu foi, malgré ses prodiges .
- リビングバイブル - それでもなお、人々は罪を犯し続け、 神の奇跡を信じようとはしませんでした。
- Nova Versão Internacional - A despeito disso tudo, continuaram pecando; não creram nos seus prodígios.
- Hoffnung für alle - Dennoch sündigten sie weiter und vertrauten ihm nicht, obwohl er all diese Wunder vollbracht hatte.
- Kinh Thánh Hiện Đại - Thế mà họ vẫn cứ phạm tội. Hoài nghi các phép lạ Ngài.
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - ทั้งๆ ที่เห็นทั้งหมดนี้แล้ว พวกเขาก็ยังคงทำบาปต่อไป ทั้งๆที่เห็นการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์ พวกเขาก็ยังไม่เชื่อ
交叉引用
- เอเสเคียล 20:13 - แต่พงศ์พันธุ์อิสราเอลขัดขืนเราในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาไม่ได้ดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์ของเรา และไม่ยอมรับคำบัญชาของเรา ซึ่งถ้าผู้ใดกระทำตาม เขาจะมีชีวิตอยู่ พวกเขาดูหมิ่นวันสะบาโตของเรายิ่งนัก เราจึงกล่าวว่า เราจะกระหน่ำการลงโทษของเราลงบนพวกเขาในถิ่นทุรกันดารให้พินาศเสีย
- กันดารวิถี 25:1 - ขณะที่อิสราเอลพักอยู่ในชิทธีม ประชาชนเริ่มประพฤติผิดทางเพศกับหญิงชาวโมอับ
- กันดารวิถี 25:2 - หญิงเหล่านี้เชิญชวนให้พวกเขาไปร่วมพิธีมอบเครื่องบูชาแก่บรรดาเทวรูปของพวกนาง ประชาชนทั้งกินและก้มกราบเทวรูปเหล่านั้น
- กันดารวิถี 25:3 - ดังนั้นเท่ากับว่าอิสราเอลเทียมแอกร่วมกับเทพเจ้าบาอัล แห่งเปโอร์ พระผู้เป็นเจ้าจึงกริ้วอิสราเอลมาก
- กันดารวิถี 25:4 - พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงเอาหัวหน้าทุกคนของชาวอิสราเอลไปแขวนกลางแดด ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า เพื่อหันเหความกริ้วอันร้อนแรงของพระผู้เป็นเจ้าไปจากอิสราเอล”
- กันดารวิถี 25:5 - โมเสสพูดกับบรรดาผู้ตัดสินความของอิสราเอลว่า “พวกท่านทุกคนจงฆ่าชายทุกคนที่เทียมแอกร่วมกับเทพเจ้าบาอัลแห่งเปโอร์”
- กันดารวิถี 25:6 - ดูเถิด ชายอิสราเอลคนหนึ่งพาหญิงชาวมีเดียนเข้ามาในกลุ่มพี่น้องของเขาที่กำลังร้องไห้อยู่ที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย ต่อหน้าต่อตาโมเสสและชาวอิสราเอลทั้งปวง
- กันดารวิถี 25:7 - เมื่อฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ซึ่งเป็นบุตรของอาโรนปุโรหิตเห็นเข้า จึงลุกขึ้นจากที่ประชุมพร้อมกับคว้าหอกติดมือไปด้วย
- กันดารวิถี 25:8 - เขาตามชายอิสราเอลคนนั้นเข้าไปถึงห้องชั้นในและแทงทั้งสองคน ทั้งชายอิสราเอลและหญิงคนนั้นถูกแทงทะลุพุง ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับชาวอิสราเอลจึงยุติลง
- กันดารวิถี 25:9 - จำนวนผู้ตายจากภัยพิบัติมีถึง 24,000 คน
- กันดารวิถี 25:10 - พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า
- กันดารวิถี 25:11 - “ฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ซึ่งเป็นบุตรของอาโรนปุโรหิตได้ทำให้ความเกรี้ยวโกรธของเราหันเหไปจากชาวอิสราเอล เขามีใจหวงแหนประชาชนเหมือนใจเราเมื่อเขาอยู่กับประชาชน ดังนั้นเราจึงไม่ทำให้ชาวอิสราเอลจบชีวิตลงเพราะความเดือดดาลในใจของเรา
- กันดารวิถี 25:12 - ฉะนั้นจงบอกเขาว่า ‘ดูเถิด เราให้พันธสัญญาแห่งสันติของเราแก่เขา
- กันดารวิถี 25:13 - อันจะเป็นพันธสัญญาของการเป็นปุโรหิตตลอดไปสำหรับเขา และบรรดาผู้สืบเชื้อสายของเขาในภายหน้า เพราะเขาหวงแหนแทนพระเจ้าของเขา และได้ทำพิธีเพื่อชดใช้บาปให้แก่ประชาชนของอิสราเอล’”
- กันดารวิถี 25:14 - ชื่อของชายอิสราเอลที่ถูกฆ่าตายพร้อมกับหญิงชาวมีเดียนคนนั้น คือศิมรีบุตรสาลูหัวหน้าคนหนึ่งในตระกูลชาวสิเมโอน
- กันดารวิถี 25:15 - ชื่อของหญิงชาวมีเดียนที่ถูกฆ่าคือ คสบีบุตรหญิงของศูร์หัวหน้าเผ่าในตระกูลมีเดียน
- กันดารวิถี 25:16 - พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า
- กันดารวิถี 25:17 - “จงไปโจมตีชาวมีเดียน และฆ่าพวกเขาเสีย
- กันดารวิถี 25:18 - เพราะคนเหล่านั้นได้ก่อกวนพวกเจ้าด้วยอุบายที่ล่อลวงที่เปโอร์ และเรื่องคสบีบุตรหญิงของหัวหน้าชาวมีเดียน หญิงที่ถูกฆ่าในครั้งที่กำลังเกิดภัยพิบัติเพราะเหตุมาจากเปโอร์”
- กันดารวิถี 21:1 - เมื่อกษัตริย์ชาวคานาอันแห่งอาราดผู้อาศัยอยู่ในเนเกบทราบว่าอิสราเอลกำลังออกเดินทางมาทางอาธาริม จึงเข้าต่อสู้กับชาวอิสราเอลและจับบางคนไว้เป็นเชลย
- กันดารวิถี 21:2 - ครั้นแล้วอิสราเอลก็สาบานต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า “ถ้าพระองค์มอบชนชาตินี้ไว้ในมือข้าพเจ้าจริงๆ ข้าพเจ้าจะทำลายบ้านเมืองของพวกเขาจนราบคาบ”
- กันดารวิถี 21:3 - พระผู้เป็นเจ้าฟังคำขอของอิสราเอลและมอบชาวคานาอันให้ อิสราเอลจึงทำลายประชาชนและบ้านเมืองจนราบคาบ และเรียกชื่อสถานที่นั้นว่า โฮร์มาห์
- กันดารวิถี 21:4 - เขาทั้งหลายย้ายจากภูเขาโฮร์ไปทางทะเลแดง เพื่ออ้อมดินแดนเอโดม แต่ในระหว่างทางประชาชนสิ้นความอดทน
- กันดารวิถี 21:5 - พวกเขาจึงต่อว่าพระเจ้าและโมเสสว่า “ทำไมท่านจึงพาพวกเราออกจากอียิปต์เพื่อมาตายในถิ่นทุรกันดาร ไม่มีทั้งอาหารและน้ำ และเราก็เกลียดอาหารที่ไร้ค่านี้”
- กันดารวิถี 21:6 - พระผู้เป็นเจ้าจึงส่งงูพิษมาในหมู่ประชาชนและกัดพวกเขา ชาวอิสราเอลหลายคนถูกงูกัดตาย
- ยอห์น 12:37 - ถึงแม้ว่าพระองค์ได้แสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์หลายสิ่งต่อหน้าพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังไม่เชื่อพระองค์
- สดุดี 78:11 - พวกเขาลืมสิ่งที่พระองค์ได้กระทำ และสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์ได้แสดงให้พวกเขาเห็นแล้ว
- ลูกา 16:31 - อับราฮัมตอบว่า ‘ถ้าเขาไม่ฟังโมเสสและเหล่าผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า แม้จะมีผู้ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย เขาก็จะไม่มีวันเชื่อ’”
- กันดารวิถี 16:1 - โคราห์บุตรอิสฮาร์ ผู้เป็นบุตรโคฮาท ผู้เป็นบุตรเลวี ดาธานและอะบีรามบุตรของเอลีอับ (โอนบุตรเปเลท) และบรรดาบุตรรูเบน ทุกคนต่างก็บุ่มบ่าม
- กันดารวิถี 16:2 - และพากันมาประท้วงโมเสส พวกเขามาพร้อมกับชาวอิสราเอล 250 คนซึ่งเป็นหัวหน้าของมวลชนที่คัดเลือกมาจากคณะประชุมและเป็นที่รู้จักดี
- กันดารวิถี 16:3 - พวกเขามาประชุมร่วมกันเพื่อประท้วงโมเสสและอาโรน โดยกล่าวกับท่านทั้งสองว่า “พวกท่านกระทำเกินเหตุแล้ว เพราะมวลชนทั้งปวงบริสุทธิ์ ไม่เว้นแม้คนเดียว และพระผู้เป็นเจ้าอยู่ท่ามกลางพวกเขา แล้วทำไมท่านยกตัวเองเหนือคณะประชุมของพระผู้เป็นเจ้า”
- กันดารวิถี 16:4 - ครั้นโมเสสได้ยินก็ซบหน้าลงกับพื้น
- กันดารวิถี 16:5 - และท่านพูดกับโคราห์และพวกของเขาว่า “ตอนรุ่งเช้าพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงว่าใครเป็นของพระองค์และใครบริสุทธิ์ และพระองค์จะให้คนนั้นเข้ามาใกล้พระองค์ พระองค์จะให้คนที่พระองค์เลือกเป็นผู้มาใกล้พระองค์
- กันดารวิถี 16:6 - โคราห์และพรรคพวกจงกระทำอย่างนี้คือ จงเอากระถางไฟของตนมา
- กันดารวิถี 16:7 - ตักถ่านที่ลุกแดงใส่กระถางและวางเครื่องหอมไว้บนถ่าน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในวันพรุ่งนี้ และชายใดที่พระผู้เป็นเจ้าเลือก ก็จะเป็นผู้บริสุทธิ์ บรรดาบุตรของเลวีเอ๋ย พวกท่านกระทำเกินเหตุไปเสียแล้ว”
- กันดารวิถี 16:8 - โมเสสพูดกับโคราห์ว่า “ขอให้บรรดาบุตรของเลวีฟังเถิด
- กันดารวิถี 16:9 - เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกท่านนักหรือ ที่พระเจ้าของอิสราเอลได้แยกท่านออกมาจากมวลชนชาวอิสราเอล เพื่อนำท่านมาอยู่ใกล้พระองค์และปฏิบัติงานในที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อที่จะยืนอยู่ต่อหน้ามวลชน เพื่อช่วยเหลือรับใช้พวกเขา
- กันดารวิถี 16:10 - พระองค์ได้นำท่านและพี่น้องชาวเลวีของท่านทุกคนมาใกล้พระองค์ แล้วท่านจะแสวงหาตำแหน่งปุโรหิตด้วยอย่างนั้นหรือ
- กันดารวิถี 16:11 - ฉะนั้นที่ท่านและพวกของท่านมาชุมนุมกันก็เพื่อมาต่อว่าพระผู้เป็นเจ้า แล้วอาโรนเป็นอะไรเล่าที่ท่านจะบ่นพึมพำต่อว่าเขา”
- กันดารวิถี 16:12 - ครั้นแล้วโมเสสให้ไปเรียกดาธานและอะบีรามบุตรเอลีอับมา แต่เขาทั้งสองกลับพูดว่า “พวกเราจะไม่ขึ้นไป
- กันดารวิถี 16:13 - ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยหรืออย่างไรที่ท่านพาพวกเราออกมาจากดินแดนอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง เพื่อจะฆ่าเราในถิ่นทุรกันดาร ท่านมาทำตนเป็นเจ้านายเหนือพวกเรา
- กันดารวิถี 16:14 - ยิ่งกว่านั้นท่านก็ยังไม่ได้พาเราเข้าไปในดินแดนอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง และแม้แต่จะให้เราได้รับนาหรือสวนองุ่นเป็นมรดก ท่านจะยังนำชายเหล่านี้ให้หลงผิดต่อไปอีกหรือ พวกเราจะไม่ขึ้นไป”
- กันดารวิถี 16:15 - โมเสสโกรธมาก ท่านพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า “ขอพระองค์อย่ารับของถวายจากพวกเขาเลย ข้าพเจ้าไม่ได้เอาลาสักตัวจากพวกเขา และไม่ทำอันตรายแก่พวกเขาสักคน”
- กันดารวิถี 16:16 - โมเสสพูดกับโคราห์ว่า “ท่านและพรรคพวกของท่านจงแสดงตน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในวันพรุ่งนี้ คือทั้งตัวท่านเอง พรรคพวก และอาโรนด้วย
- กันดารวิถี 16:17 - แต่ละคนควรนำกระถางไฟของตนไปพร้อมกับเครื่องหอม ทุกคนจงนำกระถางไฟของตนไป ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า รวมจำนวน 250 กระถาง ตัวท่านเองและอาโรนด้วย แต่ละคนถือกระถางไฟของตนเอง”
- กันดารวิถี 14:1 - แล้วมวลชนก็ส่งเสียงร้องลั่นและประชาชนร้องไห้เสียงดังในคืนวันนั้น
- กันดารวิถี 14:2 - และชาวอิสราเอลร่ำรำพันต่อโมเสสและอาโรน และมวลชนพูดกับท่านทั้งสองว่า “พวกเราน่าจะตายกันไปแล้วที่อียิปต์หรือในถิ่นทุรกันดาร
- กันดารวิถี 14:3 - ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงจะนำพวกเราเข้าไปในดินแดนนี้เพื่อให้ตายด้วยคมดาบ ภรรยาและลูกๆ ของพวกเราจะกลายเป็นเหยื่อ มันไม่ดีกว่าหรือถ้าเรากลับไปที่อียิปต์”
- กันดารวิถี 14:4 - พวกเขาพูดต่อๆ กันไปว่า “เรามาเลือกผู้นำคนหนึ่งและกลับไปที่อียิปต์กันเถิด”
- กันดารวิถี 14:5 - โมเสสกับอาโรนก็ซบหน้าลงกับพื้นต่อหน้ามวลชนชาวอิสราเอลทั้งปวง
- กันดารวิถี 14:6 - โยชูวาบุตรของนูนกับคาเลบบุตรเยฟุนเนห์เป็นสองคนที่ร่วมไปสอดแนมดินแดนนั้นด้วยจึงฉีกเสื้อผ้าของตน
- กันดารวิถี 14:7 - และพูดกับมวลชนชาวอิสราเอลทั้งปวงว่า “ดินแดนที่เราเห็นจากการสำรวจเป็นดินแดนที่ดีเหลือเกิน
- กันดารวิถี 14:8 - ถ้าพระผู้เป็นเจ้าโปรดปรานพวกเรา พระองค์จะนำพวกเราเข้าสู่ดินแดนนี้ และจะมอบดินแดนอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้งให้แก่เรา
- กันดารวิถี 14:9 - แต่อย่าขัดขืนพระผู้เป็นเจ้า และอย่ากลัวประชาชนของดินแดนนั้น เพราะเขาเป็นเสมือนอาหารของเราและไม่มีที่คุ้มกันอีกแล้ว แต่พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพวกเรา อย่ากลัวพวกเขาเลย”
- กันดารวิถี 14:10 - แต่มวลชนทั้งปวงบอกให้ใช้หินขว้างพวกเขา ครั้นแล้วพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าก็ปรากฏที่กระโจมที่นัดหมายให้ชาวอิสราเอลเห็น
- กันดารวิถี 14:11 - และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “ประชาชนพวกนี้จะดูหมิ่นเราอีกนานแค่ไหน และเขาจะไม่เชื่อในตัวเรานานแค่ไหนทั้งๆ ที่เราได้แสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์ทั้งหลายท่ามกลางพวกเขา
- กันดารวิถี 14:12 - เราจะให้โรคระบาดเกิดกับพวกเขาและกำจัดเสียให้สิ้น แล้วเราจะให้ประชาชาติหนึ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าและเข้มแข็งกว่าพวกเขาเกิดขึ้นมาจากตัวเจ้า”
- กันดารวิถี 14:13 - แต่โมเสสพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า “ถ้าเช่นนั้นชาวอียิปต์ก็จะรู้เรื่องนี้ พระองค์ได้นำประชาชนพวกนี้ออกมาจากพวกเขาด้วยอานุภาพของพระองค์
- กันดารวิถี 14:14 - แล้วพวกเขาจะบอกกับผู้อยู่อาศัยในดินแดนนี้ว่าเขาได้ยินมาว่า โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์อยู่ท่ามกลางชนชาตินี้ โอ พระผู้เป็นเจ้า ด้วยว่า พระองค์ได้ปรากฏให้เขาเห็น เมฆของพระองค์อยู่เหนือพวกเขา และพระองค์ออกนำทางล่วงหน้าพวกเขาในตอนกลางวันในลักษณะของเมฆก้อนมหึมาดั่งเสาหลัก และในตอนกลางคืนในลักษณะกลุ่มเพลิงขนาดมหึมาดั่งเสาหลัก
- กันดารวิถี 14:15 - มาบัดนี้ถ้าพระองค์ฆ่าชนชาตินี้ประหนึ่งฆ่าเพียงคนเดียว บรรดาประชาชาติที่ได้ยินเรื่องของพระองค์ก็จะพูดกันว่า
- กันดารวิถี 14:16 - ‘เพราะพระผู้เป็นเจ้าไม่สามารถนำชนชาตินี้เข้าไปยังดินแดนที่พระองค์ปฏิญาณว่าจะมอบให้แก่พวกเขา ดังนั้นพระองค์จึงได้ฆ่าพวกเขาในถิ่นทุรกันดาร’
- กันดารวิถี 14:17 - บัดนี้ ข้าพเจ้าขอร้อง โปรดแสดงอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าให้ยิ่งใหญ่เถิด ตามที่พระองค์กล่าวไว้ว่า
- กันดารวิถี 14:18 - ‘พระผู้เป็นเจ้าไม่โกรธง่าย เปี่ยมด้วยความรักอันมั่นคง ให้อภัยบาปและการล่วงละเมิด แต่ก็ไม่ปล่อยให้ผู้กระทำผิดรอดตัวไปได้ พระองค์จะทำให้บาปของบิดาตกทอดถึงบุตรของเขาไปจนถึง 3 และ 4 ชั่วอายุคน’
- กันดารวิถี 14:19 - ขอพระองค์โปรดให้อภัยบาปของประชาชนพวกนี้ตามความรักอันมั่นคงยิ่งของพระองค์เถิด และเป็นเพราะพระองค์ได้ยกโทษพวกเขาแล้วตั้งแต่ครั้งที่อยู่ในอียิปต์มาจนบัดนี้”
- กันดารวิถี 14:20 - พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “เราได้ให้อภัยตามที่เจ้าขอ
- กันดารวิถี 14:21 - แต่อย่างไรก็ดี ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ และตราบที่ทั่วแผ่นดินโลกจะเต็มด้วยบารมีของพระผู้เป็นเจ้า
- กันดารวิถี 14:22 - ชายคนใดที่เคยเห็นบารมีและปรากฏการณ์อัศจรรย์ที่เรากระทำในอียิปต์และในถิ่นทุรกันดาร แต่เขาก็ยังลองดีกับเราถึง 10 ครั้งและไม่ได้ฟังเสียงของเรา
- กันดารวิถี 14:23 - เขาเหล่านั้นก็จะไม่ได้เห็นดินแดนที่เราได้ปฏิญาณว่าจะมอบให้แก่บรรพบุรุษของเขา และใครก็ตามดูหมิ่นเราก็จะไม่ได้เห็นด้วยเช่นกัน
- กันดารวิถี 14:24 - แต่เพราะคาเลบผู้รับใช้ของเรามีจิตวิญญาณต่างกัน และเขาได้ตามเราอย่างจริงใจ เราก็จะนำเขาเข้าไปในดินแดนที่เขาเข้าไปมาแล้ว และบรรดาผู้สืบเชื้อสายของเขาจะได้ยึดครองดินแดนนั้น
- กันดารวิถี 14:25 - ในเมื่อชาวอามาเลขและชาวคานาอันอาศัยอยู่ในหุบเขา พรุ่งนี้จงออกเดินทางกลับไปยังถิ่นทุรกันดารตามทางที่ไปทะเลแดง”
- กันดารวิถี 14:26 - และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสและอาโรนว่า
- กันดารวิถี 14:27 - “เราจะต้องทนต่อมวลชนชั่วร้ายที่พร่ำบ่นต่อว่าต่อขานเราไปนานแค่ไหน เราได้ยินชาวอิสราเอลบ่นพึมพำต่อว่าเราแล้ว
- กันดารวิถี 14:28 - จงบอกพวกเขาว่า พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ‘ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ อะไรที่เจ้าพูดให้เราได้ยิน เราก็จะกระทำต่อเจ้าตามนั้น
- กันดารวิถี 14:29 - ศพของพวกเจ้าจะถูกทิ้งไว้ในถิ่นทุรกันดาร ทุกคนที่นับไว้ในทะเบียนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปและบ่นพึมพำต่อว่าเรา
- กันดารวิถี 14:30 - จะไม่มีสักคนที่จะได้ก้าวเข้าไปในดินแดนที่เราได้ยกมือปฏิญาณให้เจ้าอาศัยอยู่ ยกเว้นคาเลบบุตรเยฟุนเนห์และโยชูวาบุตรของนูน
- กันดารวิถี 14:31 - ส่วนลูกๆ ของเจ้าที่บอกว่าจะกลายเป็นเหยื่อนั้น เราจะนำพวกเขาเข้าไป และเขาจะรู้จักดินแดนที่พวกเจ้าดูหมิ่น
- กันดารวิถี 14:32 - สำหรับพวกเจ้า ศพก็จะถูกทิ้งไว้ในถิ่นทุรกันดารนี้
- กันดารวิถี 14:33 - ลูกหลานของพวกเจ้าจะเป็นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 ปี และพวกเจ้าจะได้รับความทุกข์ทรมานเพราะความไม่เชื่อ จนกระทั่งคนสุดท้ายของพวกเจ้าจะทอดร่างนอนตายในถิ่นทุรกันดาร
- กันดารวิถี 14:34 - พวกเจ้าจะได้รับความทุกข์ทรมานเนื่องจากบาปของเจ้าเป็นเวลา 40 ปีตามจำนวน 40 วันที่เจ้าได้สอดแนมดินแดนนั้น คือ 1 ปีต่อ 1 วัน แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่าเราไม่พอใจเพียงไร
- กันดารวิถี 14:35 - เราคือพระผู้เป็นเจ้าได้ลั่นคำพูดไปแล้ว เราจะกระทำตามนี้ต่อมวลชนชั่วร้ายทั้งปวงที่มาชุมนุมร่วมกันต่อว่าเรา พวกเขาจะมาถึงจุดจบในถิ่นทุรกันดารแห่งนี้ และจะตายกันที่นั่น’”
- กันดารวิถี 14:36 - ดังนั้น บรรดาชายที่โมเสสส่งไปสอดแนมดินแดนและกลับมาทำให้มวลชนทั้งปวงบ่นพึมพำต่อว่าโมเสสโดยรายงานว่าดินแดนนั้นเลวร้าย
- กันดารวิถี 14:37 - บรรดาชายที่รายงานเป็นเรื่องร้ายๆ เกี่ยวกับดินแดนก็ตายด้วยโรคระบาดต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า
- กันดารวิถี 14:38 - แต่โยชูวาบุตรของนูนและคาเลบบุตรเยฟุนเนห์ซึ่งได้ไปสอดแนมดินแดนด้วยนั้นยังมีชีวิตอยู่
- กันดารวิถี 14:39 - เมื่อโมเสสบอกเรื่องดังกล่าวแก่ชาวอิสราเอลทั้งปวง พวกเขาก็ร้องคร่ำครวญเป็นอย่างมาก
- กันดารวิถี 14:40 - ครั้นถึงรุ่งเช้าเมื่อพวกเขาลุกขึ้น โดยขึ้นไปยังแถบภูเขาสูงและพูดว่า “ดูเถิด เราจะขึ้นไปยังสถานที่ที่พระผู้เป็นเจ้าสัญญาไว้ เพราะพวกเราได้ทำผิดไปแล้ว”
- กันดารวิถี 14:41 - แต่โมเสสพูดว่า “ทำไมพวกท่านจึงฝืนต่อคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า สิ่งที่ท่านทำจะไม่บังเกิดผลสำเร็จ
- กันดารวิถี 14:42 - อย่าขึ้นไปเลย ด้วยเกรงว่าท่านจะตายต่อหน้าศัตรู เพราะพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้อยู่กับท่าน
- กันดารวิถี 14:43 - ในที่นั้นชาวอามาเลขและชาวคานาอันรอเผชิญท่านอยู่ และท่านจะต้องตายด้วยคมดาบ เพราะพวกท่านหันหลังให้พระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าจะไม่อยู่กับท่าน”
- กันดารวิถี 14:44 - ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังฝืนขึ้นไปยังแถบภูเขาสูง แม้ว่าหีบพันธสัญญาแห่งพระผู้เป็นเจ้าและโมเสสไม่ได้ออกจากค่าย
- กันดารวิถี 14:45 - แล้วชาวอามาเลขและชาวคานาอันที่อาศัยอยู่ในแถบภูเขาจึงลงมาโจมตีพวกเขาและไล่โจมตีอย่างไม่ลดละจนถึงโฮร์มาห์
- สดุดี 78:22 - เพราะพวกเขาไม่มีความเชื่อในพระเจ้า และไม่วางใจในอานุภาพของพระองค์ที่จะช่วยเขาให้รอดพ้นได้