逐节对照
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - เมื่อก้อนเมฆลอยเคลื่อนไปจากกระโจม ดูเถิด มิเรียมเป็นโรคเรื้อนขาวราวหิมะ อาโรนหันไปทางมิเรียม และดูเถิด นางเป็นโรคเรื้อน
- 新标点和合本 - 云彩从会幕上挪开了,不料,米利暗长了大麻风,有雪那样白。亚伦一看米利暗长了大麻风,
- 和合本2010(上帝版-简体) - 当云彩从帐幕上离开时,看哪,米利暗长了麻风,像雪那么白。亚伦转向米利暗,看哪,她长了麻风。
- 和合本2010(神版-简体) - 当云彩从帐幕上离开时,看哪,米利暗长了麻风,像雪那么白。亚伦转向米利暗,看哪,她长了麻风。
- 当代译本 - 云彩从会幕上离开的时候,米利暗身上患了麻风病,像雪一样白。亚伦见状,
- 圣经新译本 - 云彩从会幕上离开,米利暗就长了大痲风,像雪那样白;亚伦转身过来看米利暗,见她长了大痲风。
- 中文标准译本 - 云彩从会幕上方收回了,看哪,米利暗患了麻风病,像雪一样。亚伦转向米利暗,看见她患了麻风病。
- 现代标点和合本 - 云彩从会幕上挪开了,不料,米利暗长了大麻风,有雪那样白。亚伦一看米利暗长了大麻风,
- 和合本(拼音版) - 云彩从会幕上挪开了。不料,米利暗长了大麻风,有雪那样白。亚伦一看米利暗长了大麻风,
- New International Version - When the cloud lifted from above the tent, Miriam’s skin was leprous —it became as white as snow. Aaron turned toward her and saw that she had a defiling skin disease,
- New International Reader's Version - When the cloud went up from above the tent, there stood Miriam. She had a disease that made her skin as white as snow. Aaron turned toward her. He saw that she had a skin disease.
- English Standard Version - When the cloud removed from over the tent, behold, Miriam was leprous, like snow. And Aaron turned toward Miriam, and behold, she was leprous.
- New Living Translation - As the cloud moved from above the Tabernacle, there stood Miriam, her skin as white as snow from leprosy. When Aaron saw what had happened to her,
- The Message - When the Cloud moved off from the Tent, oh! Miriam had turned leprous, her skin like snow. Aaron took one look at Miriam—a leper!
- Christian Standard Bible - As the cloud moved away from the tent, Miriam’s skin suddenly became diseased, resembling snow. When Aaron turned toward her, he saw that she was diseased
- New American Standard Bible - But when the cloud had withdrawn from above the tent, behold, Miriam was leprous, as white as snow. As Aaron turned toward Miriam, behold, she was leprous.
- New King James Version - And when the cloud departed from above the tabernacle, suddenly Miriam became leprous, as white as snow. Then Aaron turned toward Miriam, and there she was, a leper.
- Amplified Bible - But when the cloud had withdrawn from over the tent, behold, Miriam was leprous, as white as snow. And Aaron turned and looked at Miriam, and, behold, she was leprous.
- American Standard Version - And the cloud removed from over the Tent; and, behold, Miriam was leprous, as white as snow: and Aaron looked upon Miriam, and, behold, she was leprous.
- King James Version - And the cloud departed from off the tabernacle; and, behold, Miriam became leprous, white as snow: and Aaron looked upon Miriam, and, behold, she was leprous.
- New English Translation - When the cloud departed from above the tent, Miriam became leprous as snow. Then Aaron looked at Miriam, and she was leprous!
- World English Bible - The cloud departed from over the Tent; and behold, Miriam was leprous, as white as snow. Aaron looked at Miriam, and behold, she was leprous.
- 新標點和合本 - 雲彩從會幕上挪開了,不料,米利暗長了大痲瘋,有雪那樣白。亞倫一看米利暗長了大痲瘋,
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 當雲彩從帳幕上離開時,看哪,米利暗長了痲瘋,像雪那麼白。亞倫轉向米利暗,看哪,她長了痲瘋。
- 和合本2010(神版-繁體) - 當雲彩從帳幕上離開時,看哪,米利暗長了痲瘋,像雪那麼白。亞倫轉向米利暗,看哪,她長了痲瘋。
- 當代譯本 - 雲彩從會幕上離開的時候,米利暗身上患了痲瘋病,像雪一樣白。亞倫見狀,
- 聖經新譯本 - 雲彩從會幕上離開,米利暗就長了大痲風,像雪那樣白;亞倫轉身過來看米利暗,見她長了大痲風。
- 呂振中譯本 - 雲彩從會棚旁一挪開,哎呀, 米利暗 竟患了痲瘋屬之病了,就像雪 那麼白 ; 亞倫 向 米利暗 細看一下,只見她真地患了痲瘋屬之病了。
- 中文標準譯本 - 雲彩從會幕上方收回了,看哪,米利暗患了痲瘋病,像雪一樣。亞倫轉向米利暗,看見她患了痲瘋病。
- 現代標點和合本 - 雲彩從會幕上挪開了,不料,米利暗長了大痲瘋,有雪那樣白。亞倫一看米利暗長了大痲瘋,
- 文理和合譯本 - 雲離會幕、米利暗患癩、色皎如雪、亞倫顧之、見其患癩、
- 文理委辦譯本 - 雲亦離會幕、米哩暗患癩色皎若雪、亞倫視之、知其患癩、
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 雲亦離幕、 米利暗 忽患癩、色白如雪、 亞倫 回顧 米利暗 見其患癩、
- Nueva Versión Internacional - Tan pronto como la nube se apartó de la Tienda, a Miriam se le puso la piel blanca como la nieve. Cuando Aarón se volvió hacia ella, vio que tenía una enfermedad infecciosa.
- 현대인의 성경 - 구름이 성막 위에서 사라지고 미리암은 갑자기 문둥병에 걸려 온 몸이 하얗게 되었다. 아론이 이것을 보고
- Новый Русский Перевод - Когда облако поднялось от шатра, Мирьям покрылась проказой, как снегом. Аарон повернулся к ней и увидел, что она поражена проказой.
- Восточный перевод - Когда облако поднялось от шатра, Марьям поразила проказа , её кожа стала белой, как снег. Харун повернулся к ней и увидел, что она поражена проказой.
- Восточный перевод, версия с «Аллахом» - Когда облако поднялось от шатра, Марьям поразила проказа , её кожа стала белой, как снег. Харун повернулся к ней и увидел, что она поражена проказой.
- Восточный перевод, версия для Таджикистана - Когда облако поднялось от шатра, Марьям поразила проказа , её кожа стала белой, как снег. Хорун повернулся к ней и увидел, что она поражена проказой.
- La Bible du Semeur 2015 - A peine la nuée avait-elle quitté la tente, que Miryam se trouva couverte d’une lèpre blanche comme la neige. Quand Aaron se tourna vers Miryam, il vit qu’elle était lépreuse.
- リビングバイブル - そして、雲が幕屋を離れると、そのとたんミリヤムはツァラアトにかかり、見る見る肌が白くなっていきました。
- Nova Versão Internacional - Quando a nuvem se afastou da Tenda, Miriã estava leprosa ; sua aparência era como a da neve. Arão voltou-se para Miriã, viu que ela estava com lepra
- Hoffnung für alle - und die Wolke verschwand vom heiligen Zelt. Als Aaron sich zu Mirjam umdrehte, war ihre Haut weiß wie Schnee, denn sie war aussätzig geworden!
- Kinh Thánh Hiện Đại - Vừa khi đám mây bay khỏi nóc Đền Tạm, Mi-ri-am liền bị bệnh phong hủi trắng như tuyết. A-rôn thấy thế,
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - เมื่อเมฆที่อยู่เหนือพลับพลาลอยขึ้น มิเรียมก็เป็นโรคเรื้อน เป็นด่างขาวดั่งหิมะ อาโรนหันไปเห็นมิเรียมเป็นโรคเรื้อน
交叉引用
- 2 พงศ์กษัตริย์ 15:5 - พระผู้เป็นเจ้าทำให้กษัตริย์รับโทษ ท่านจึงเป็นโรคเรื้อนจนถึงวันที่ท่านสิ้นชีวิต ซึ่งทำให้ท่านต้องแยกไปอาศัยอยู่ต่างหาก และโยธามบุตรของกษัตริย์เป็นผู้ควบคุมดูแลวัง และปกครองประชาชนในแผ่นดิน
- เอเสเคียล 10:18 - แล้วพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าไปจากเบื้องบนธรณีประตูของพระตำหนัก และหยุดอยู่เหนือตัวเครูบ
- เอเสเคียล 10:19 - เครูบกางปีกและบินขึ้นไปจากพื้นต่อหน้าต่อตาข้าพเจ้า พร้อมกับล้อที่อยู่ข้างตัว และยืนที่ทางเข้าประตูทางทิศตะวันออกของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และพระบารมีของพระเจ้าของอิสราเอลอยู่เหนือบรรดาเครูบ
- อพยพ 4:6 - แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านอีกว่า “จงสอดมือเจ้าไว้ที่อก” ท่านก็ทำตาม เมื่อท่านชักมือออก ดูเถิด มือของท่านก็เป็นโรคเรื้อน ขาวราวหิมะ
- เอเสเคียล 10:4 - พระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าเลื่อนขึ้นไปจากเบื้องบนของตัวเครูบ ไปยังธรณีประตูพระตำหนัก และพระตำหนักเต็มไปด้วยเมฆ และลานเต็มด้วยความเจิดจ้าของพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้า
- เอเสเคียล 10:5 - และเสียงกระทบปีกของเครูบได้ยินไปถึงลานนอก เป็นเหมือนเสียงของพระเจ้าผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพเมื่อพระองค์กล่าว
- มัทธิว 25:41 - ครั้นแล้วท่านจะกล่าวกับพวกคนที่อยู่ทางซ้ายมือของท่านด้วยว่า ‘จงไปให้พ้นหน้าเรา เจ้าพวกที่ถูกสาปแช่ง จงเข้าไปสู่ไฟที่ลุกไหม้ชั่วนิรันดร์ซึ่งได้เตรียมไว้ให้พญามารกับพวกทูตของมัน
- อพยพ 33:7 - โมเสสมักจะตั้งกระโจมไว้ที่นอกค่าย และเรียกว่า กระโจมที่นัดหมาย ทุกคนที่แสวงหาพระผู้เป็นเจ้าก็จะออกไปยังกระโจมที่นัดหมายซึ่งอยู่ที่นอกค่าย
- อพยพ 33:8 - เมื่อใดที่โมเสสออกไปยังกระโจมหลังนั้น ประชาชนทั้งปวงจะลุกขึ้น ทุกคนยืนอยู่ที่ทางเข้ากระโจมของตนมองตามโมเสส จนท่านเข้าไปในกระโจม
- อพยพ 33:9 - ครั้นโมเสสเข้าไปในกระโจม เมฆก้อนมหึมาดั่งเสาหลักก็ลอยเคลื่อนลงมา และหยุดอยู่ที่ทางเข้ากระโจม แล้วพระผู้เป็นเจ้าก็สนทนากับโมเสส
- อพยพ 33:10 - เวลาประชาชนทั้งปวงเห็นเมฆก้อนมหึมาดั่งเสาหลักอยู่ที่ประตูกระโจม พวกเขาทุกคนจะยืนขึ้น แล้วก้มลงกราบนมัสการอยู่ที่ทางเข้ากระโจม
- เลวีนิติ 13:2 - “เมื่อผิวหนังของผู้ใดบวมหรือเป็นผื่นหรือเป็นจุดด่าง และผิวของเขากลับกลายเป็นโรคเรื้อน ให้คนพาเขามาหาอาโรนหรือบุตรคนใดคนหนึ่งของเขาที่เป็นปุโรหิต
- เลวีนิติ 13:3 - ปุโรหิตจะตรวจดูจุดที่อยู่ตามผิวหนังของเขา ถ้าขนที่จุดนั้นเป็นสีขาวและดูเหมือนแผลลึกกว่าผิวหนัง แสดงว่าเขาเป็นโรคเรื้อน เมื่อปุโรหิตตรวจเสร็จแล้วก็ต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน
- เลวีนิติ 13:4 - แต่ถ้าแผลเป็นรอยด่างสีขาวอยู่ไม่ลึกกว่าผิวหนัง และขนบริเวณนั้นไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีขาว ปุโรหิตจะต้องกักตัวคนเป็นโรคไว้ 7 วัน
- เลวีนิติ 13:5 - ในวันที่เจ็ดปุโรหิตจะตรวจดูเขาอีก และตามความเห็นของปุโรหิต ถ้าโรคไม่ได้ลามมากขึ้นเขาจะต้องกักตัวผู้นั้นไว้อีก 7 วัน
- เลวีนิติ 13:6 - เพื่อจะตรวจอีกหลังจากนั้น 7 วัน ถ้าเห็นว่าแผลบริเวณนั้นจางลงและไม่มีการลามบนผิวหนัง ปุโรหิตจึงจะประกาศว่าเขาสะอาด มันเป็นเพียงผื่นธรรมดา ให้เขาซักเครื่องแต่งกาย แล้วจึงจะถือว่าเขาสะอาด
- เลวีนิติ 13:7 - แต่ถ้าผื่นลามไปตามผิวหนังแม้ว่าหลังจากที่ให้ปุโรหิตตรวจดูแล้วว่าเขาสะอาด เขาก็ยังจะต้องไปหาปุโรหิตอีก
- เลวีนิติ 13:8 - ปุโรหิตต้องตรวจเขาอีกครั้ง ถ้าผื่นนั้นลามบนผิวหนัง ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เพราะเป็นโรคเรื้อน
- เลวีนิติ 13:9 - ถ้าผู้ใดเป็นโรคเรื้อน ให้คนพาเขาไปหาปุโรหิต
- เลวีนิติ 13:10 - และปุโรหิตจะตรวจดูตัวเขา ถ้าแผลที่ผิวหนังของเขาบวมเป็นสีขาว ขนก็เป็นสีขาว และผิวที่บวมนั้นอักเสบ
- เลวีนิติ 13:11 - จึงนับว่าผิวหนังของเขาเป็นโรคเรื้อนขั้นเรื้อรัง ปุโรหิตจะต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน อย่ากักตัวเขาไว้ เพราะเขาเป็นมลทินแล้ว
- เลวีนิติ 13:12 - ถ้าโรคเรื้อนลามทั่วผิวหนังของคนเป็นโรคตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าเท่าที่ปุโรหิตจะมองเห็นได้
- เลวีนิติ 13:13 - ปุโรหิตจะตรวจดูตัวเขา ถ้าโรคเรื้อนลามไปทั่วตัว ปุโรหิตจะประกาศว่าเขาสะอาดเนื่องจากตัวของเขาขาวไปทั่ว และเขาก็สะอาด
- เลวีนิติ 13:14 - แต่เมื่อใดแผลนั้นอักเสบ เขาก็เป็นมลทิน
- เลวีนิติ 13:15 - ปุโรหิตจะตรวจดูแผลที่อักเสบและประกาศว่าเขาเป็นมลทิน แผลที่อักเสบเป็นมลทินเพราะเป็นโรคเรื้อน
- เลวีนิติ 13:16 - แต่ถ้าแผลที่อักเสบกลับดีขึ้นและกลายเป็นสีขาวอีก ก็ให้เขามาหาปุโรหิต
- เลวีนิติ 13:17 - ปุโรหิตจะตรวจดูตัวเขา ถ้าโรคนั้นเป็นสีขาว ให้ปุโรหิตประกาศว่าคนนั้นสะอาด เพราะเขาสะอาด
- เลวีนิติ 13:18 - ถ้าผิวหนังของผู้ใดเป็นฝีซึ่งหายแล้ว
- เลวีนิติ 13:19 - แต่ต่อมาจุดที่เคยเป็นฝีเกิดบวมและเป็นแผลสีขาวหรือสีแดงเรื่อๆ ก็ต้องให้ปุโรหิตตรวจดู
- เลวีนิติ 13:20 - เมื่อปุโรหิตตรวจดู เห็นว่าแผลลึกกว่าผิวหนังและมีขนเป็นสีขาว ให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เป็นโรคเรื้อนและกลายเป็นฝี
- เลวีนิติ 13:21 - แต่ถ้าปุโรหิตตรวจเห็นแล้วว่าขนไม่เป็นสีขาว แผลไม่ลึกลงไปใต้ผิวหนังและจางลงด้วย ปุโรหิตต้องกักตัวเขาไว้ 7 วัน
- เลวีนิติ 13:22 - แต่ถ้าแผลลุกลามผิวหนัง ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เขาเป็นโรคแล้ว
- เลวีนิติ 13:23 - ถ้าขนาดของแผลอยู่คงเดิมไม่ลุกลาม แสดงว่าเป็นแต่เพียงแผลเป็นอันเกิดจากฝี ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาสะอาด
- เลวีนิติ 13:24 - เมื่อผู้ใดถูกไฟไหม้ผิว และบริเวณที่ไหม้เป็นแผลอักเสบที่กลายเป็นสีแดงเรื่อๆ หรือสีขาว
- เลวีนิติ 13:25 - ปุโรหิตจะต้องตรวจดูแผล ถ้าลึกลงไปใต้ผิวหนัง และมีขนเป็นสีขาว แสดงว่าเป็นโรคเรื้อนซึ่งลามไปยังจุดที่ถูกไฟไหม้ ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เป็นโรคเรื้อน
- เลวีนิติ 13:26 - แต่ถ้าปุโรหิตตรวจดูแผล ซึ่งไม่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง ขนไม่เป็นสีขาว และสีจางลง ปุโรหิตต้องกักเขาไว้ 7 วัน
- เลวีนิติ 13:27 - ปุโรหิตจะตรวจดูเขาในวันที่เจ็ด ถ้าแผลลาม ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เป็นโรคเรื้อน
- เลวีนิติ 13:28 - แต่ถ้าแผลอยู่คงเดิมโดยไม่ลาม และสีจางลง แสดงว่าแผลบวมจากการถูกไฟไหม้ ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาสะอาด เพราะมันเป็นแต่เพียงแผลเป็นที่ถูกไฟไหม้
- เลวีนิติ 13:29 - เมื่อชายหรือหญิงมีแผลที่ศีรษะหรือคาง
- เลวีนิติ 13:30 - ปุโรหิตต้องตรวจดูแผล ถ้าเห็นว่าลึกลงไปใต้ผิวหนัง มีขนเพียงไม่กี่เส้น และเป็นสีเหลือง ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เป็นโรคผิวหนัง โรคเรื้อนขึ้นที่หัวหรือคาง
- เลวีนิติ 13:31 - ถ้าปุโรหิตตรวจดูโรคผิวหนัง พบว่าไม่ลึกลงไปใต้ผิวหนังและไม่มีขนสีดำ ปุโรหิตต้องกักตัวคนที่เป็นโรคผิวหนังไว้ 7 วัน
- เลวีนิติ 13:32 - ในวันที่เจ็ด ปุโรหิตจะตรวจดูโรค ถ้าโรคผิวหนังไม่ได้ลุกลาม ไม่มีขนสีเหลือง ผิวที่คันไม่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง
- เลวีนิติ 13:33 - ต้องให้เขาโกนผมและหนวดเครา ไม่ใช่โกนบริเวณแผล ปุโรหิตต้องกักตัวคนเป็นโรคผิวหนังไว้อีก 7 วัน
- เลวีนิติ 13:34 - ในวันที่เจ็ด ปุโรหิตต้องตรวจดูผิวที่คัน ถ้าไม่ได้ลุกลามและไม่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาสะอาด เขาต้องซักเครื่องแต่งกาย จึงจะถือว่าเขาสะอาด
- เลวีนิติ 13:35 - แต่ถ้าโรคผิวหนังลุกลามออกไปอีกหลังจากการชำระล้าง
- เลวีนิติ 13:36 - ปุโรหิตต้องตรวจดูตัวเขา ถ้าโรคผิวหนังที่คันนั้นลุกลาม ปุโรหิตไม่จำเป็นต้องดูผมหรือขนสีเหลือง เขาเป็นมลทิน
- เลวีนิติ 13:37 - แต่ถ้าเท่าที่เขาตรวจดูผิวที่คันนั้นไม่เปลี่ยนแปลง และมีขนดำงอก ผิวหายคันแล้ว เขาก็สะอาด ปุโรหิตก็ต้องประกาศว่าเขาสะอาด
- เลวีนิติ 13:38 - เมื่อผิวหนังของชายหรือหญิงใดมีจุดสีขาวๆ
- เลวีนิติ 13:39 - ปุโรหิตต้องตรวจดู และถ้าจุดเหล่านั้นเป็นสีขาวจางๆ นั่นเป็นเพียงตำหนิที่ผิว เขาสะอาด
- เลวีนิติ 13:40 - ถ้าชายใดผมร่วงจากศีรษะ ถึงเขาจะหัวล้านแต่เขาสะอาด
- เลวีนิติ 13:41 - และถ้าชายใดผมร่วงจากหน้าผากหรือขมับ ผมส่วนหน้าผากล้านแต่สะอาด
- เลวีนิติ 13:42 - แต่ถ้าหัวล้านหรือหน้าผากเถิกและมีจุดแดงเรื่อๆ นั่นคือโรคเรื้อนที่ลามไปถึงหัวหรือหน้าผากของเขา
- เลวีนิติ 13:43 - ปุโรหิตต้องตรวจดูตัวเขา ถ้าพบจุดแดงเรื่อๆ บวมที่หัวล้านหรือหน้าผากเถิกของเขา เหมือนกับโรคเรื้อนที่เป็นตามตัว
- เลวีนิติ 13:44 - เขาเป็นโรคเรื้อน เขาเป็นมลทิน ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน โรคนั้นลุกลามไปถึงศีรษะของเขาแล้ว
- เลวีนิติ 13:45 - ผู้เป็นโรคเรื้อนต้องสวมเครื่องแต่งกายขาดๆ ปล่อยผม ปิดริมฝีปากบนและร้องว่า ‘เป็นมลทิน เป็นมลทิน’
- เลวีนิติ 13:46 - เขาจะยังเป็นมลทินตราบที่เขายังเป็นโรคอยู่ เขาเป็นมลทิน และจะต้องแยกออกไปอาศัยอยู่นอกค่าย
- 2 พงศาวดาร 26:19 - อุสซียาห์จึงโกรธกริ้ว ท่านถือกระถางเครื่องหอมเพื่อจะเผาเครื่องหอม เมื่อท่านโกรธกริ้วปุโรหิต โรคเรื้อนจึงปรากฏขึ้นที่หน้าผากของท่านต่อหน้าบรรดาปุโรหิตในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ที่ข้างแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอม
- 2 พงศาวดาร 26:20 - อาซาริยาห์มหาปุโรหิตและปุโรหิตทั้งปวงมองดูท่าน ดูเถิด เกิดโรคเรื้อนขึ้นที่หน้าผากของท่าน พวกเขาจึงพาท่านออกไปโดยเร็ว ท่านก็รีบออกไป เพราะพระผู้เป็นเจ้าทำให้ท่านเป็นอย่างนั้น
- 2 พงศาวดาร 26:21 - กษัตริย์อุสซียาห์เป็นโรคเรื้อนจนถึงวันที่ท่านสิ้นชีวิต ซึ่งทำให้ท่านต้องแยกไปอาศัยอยู่ต่างหาก และเข้าไปในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ และโยธามบุตรของท่านเป็นผู้ควบคุมดูแลวังของกษัตริย์ และปกครองประชาชนในแผ่นดิน
- โฮเชยา 9:12 - ถึงแม้ว่าพวกเขาเลี้ยงดูลูกๆ เราก็จะพรากลูกทุกคนของพวกเขาไป วิบัติจงเกิดแก่พวกเขา เมื่อเราไปจากพวกเขา
- 2 พงศ์กษัตริย์ 5:27 - ฉะนั้น โรคเรื้อนของนาอามานจะติดอยู่ที่เจ้าและบรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้าไปตลอดกาล” แล้วเกหะซีก็เดินจากไป กลายเป็นคนโรคเรื้อน ตัวด่างขาวราวกับหิมะ
- เฉลยธรรมบัญญัติ 24:9 - จงนึกถึงว่าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านกระทำต่อมิเรียมระหว่างทางที่พวกท่านออกจากอียิปต์