逐节对照
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - ดับไฟที่ไหม้โหมกระหน่ำ หลุดพ้นจากคมดาบ จากคนอ่อนแอก็กลายเป็นคนเข้มแข็งได้ กลายเป็นคนแข็งแกร่งในสงคราม ตีกองทัพชาติอื่นๆ จนแตกพ่ายไป
- 新标点和合本 - 灭了烈火的猛势,脱了刀剑的锋刃;软弱变为刚强,争战显出勇敢,打退外邦的全军。
- 和合本2010(上帝版-简体) - 灭了烈火的威力,在锋利的刀剑下逃生,从软弱变为刚强,争战中显出勇猛,打退外邦的全军。
- 和合本2010(神版-简体) - 灭了烈火的威力,在锋利的刀剑下逃生,从软弱变为刚强,争战中显出勇猛,打退外邦的全军。
- 当代译本 - 熄灭了猛烈的火焰,刀下逃生,由软弱变为刚强,作战勇猛,击退外敌。
- 圣经新译本 - 消灭了烈火的威力,逃脱了刀剑的锋刃,软弱变成刚强,在战争中显出大能,把外国的军队击退。
- 中文标准译本 - 灭了烈火的威力,逃脱了刀剑的锋刃,从软弱中得以刚强,在战争中得以强大,击败了外国的军队。
- 现代标点和合本 - 灭了烈火的猛势,脱了刀剑的锋刃,软弱变为刚强,争战显出勇敢,打退外邦的全军。
- 和合本(拼音版) - 灭了烈火的猛势,脱了刀剑的锋刃,软弱变为刚强,争战显出勇敢,打退外邦的全军。
- New International Version - quenched the fury of the flames, and escaped the edge of the sword; whose weakness was turned to strength; and who became powerful in battle and routed foreign armies.
- New International Reader's Version - They put out great fires. They escaped being killed by swords. Their weakness was turned to strength. They became powerful in battle. They beat back armies from other countries.
- English Standard Version - quenched the power of fire, escaped the edge of the sword, were made strong out of weakness, became mighty in war, put foreign armies to flight.
- New Living Translation - quenched the flames of fire, and escaped death by the edge of the sword. Their weakness was turned to strength. They became strong in battle and put whole armies to flight.
- Christian Standard Bible - quenched the raging of fire, escaped the edge of the sword, gained strength in weakness, became mighty in battle, and put foreign armies to flight.
- New American Standard Bible - quenched the power of fire, escaped the edge of the sword, from weakness were made strong, became mighty in war, put foreign armies to flight.
- New King James Version - quenched the violence of fire, escaped the edge of the sword, out of weakness were made strong, became valiant in battle, turned to flight the armies of the aliens.
- Amplified Bible - extinguished the power of [raging] fire, escaped the edge of the sword, out of weakness were made strong, became mighty and unbeatable in battle, putting enemy forces to flight.
- American Standard Version - quenched the power of fire, escaped the edge of the sword, from weakness were made strong, waxed mighty in war, turned to flight armies of aliens.
- King James Version - Quenched the violence of fire, escaped the edge of the sword, out of weakness were made strong, waxed valiant in fight, turned to flight the armies of the aliens.
- New English Translation - quenched raging fire, escaped the edge of the sword, gained strength in weakness, became mighty in battle, put foreign armies to flight,
- World English Bible - quenched the power of fire, escaped the edge of the sword, from weakness were made strong, grew mighty in war, and caused foreign armies to flee.
- 新標點和合本 - 滅了烈火的猛勢,脫了刀劍的鋒刃;軟弱變為剛強,爭戰顯出勇敢,打退外邦的全軍。
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 滅了烈火的威力,在鋒利的刀劍下逃生,從軟弱變為剛強,爭戰中顯出勇猛,打退外邦的全軍。
- 和合本2010(神版-繁體) - 滅了烈火的威力,在鋒利的刀劍下逃生,從軟弱變為剛強,爭戰中顯出勇猛,打退外邦的全軍。
- 當代譯本 - 熄滅了猛烈的火焰,刀下逃生,由軟弱變為剛強,作戰勇猛,擊退外敵。
- 聖經新譯本 - 消滅了烈火的威力,逃脫了刀劍的鋒刃,軟弱變成剛強,在戰爭中顯出大能,把外國的軍隊擊退。
- 呂振中譯本 - 撲滅了烈火之威力,躲脫了刀劍的鋒刃,從軟弱中得了能力,在戰爭中顯為勇猛,使外國的隊伍掉頭逃竄。
- 中文標準譯本 - 滅了烈火的威力,逃脫了刀劍的鋒刃,從軟弱中得以剛強,在戰爭中得以強大,擊敗了外國的軍隊。
- 現代標點和合本 - 滅了烈火的猛勢,脫了刀劍的鋒刃,軟弱變為剛強,爭戰顯出勇敢,打退外邦的全軍。
- 文理和合譯本 - 滅火勢、避鋒刃、弱而強、戰而勇、破異邦軍、
- 文理委辦譯本 - 使火燄不傷、鋒刃可避、弱而強、戰而勇、破敵陳、
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 滅火燄之勢、避刀之鋒刃、由弱成強、於戰則勇、攻退異邦人隊伍、
- 吳經熊文理聖詠與新經全集 - 撲滅燎原、脫免刀兵、轉弱為強、奮勇作戰、所向披靡、無一而不憑信德也。
- Nueva Versión Internacional - apagaron la furia de las llamas y escaparon del filo de la espada; sacaron fuerzas de flaqueza; se mostraron valientes en la guerra y pusieron en fuga a ejércitos extranjeros.
- 현대인의 성경 - 또 불 가운데서 구원을 받았고 칼날도 피했으며 약한 사람이 강해지고 싸움터에서 용감하게 외국 군대를 무찌르기도 하였습니다.
- Новый Русский Перевод - гасили яростное пламя, спасались от острия меча. Их слабость становилась силой, они были крепкими в битве и обращали в бегство чужеземные армии.
- Восточный перевод - гасили яростное пламя, спасались от острия меча. Их слабость становилась силой, они были крепкими в битве и обращали в бегство чужеземные армии.
- Восточный перевод, версия с «Аллахом» - гасили яростное пламя, спасались от острия меча. Их слабость становилась силой, они были крепкими в битве и обращали в бегство чужеземные армии.
- Восточный перевод, версия для Таджикистана - гасили яростное пламя, спасались от острия меча. Их слабость становилась силой, они были крепкими в битве и обращали в бегство чужеземные армии.
- La Bible du Semeur 2015 - Ils ont éteint des feux violents, ont échappé au tranchant de l’épée. Ils ont été remplis de force alors qu’ils étaient faibles. Ils se sont montrés vaillants dans les batailles, ils ont mis en fuite des armées ennemies ;
- リビングバイブル - 燃えさかる炉に投げ込まれても、やけど一つしませんでした。ある者は、危うく切り殺されるところを救われました。ある者は病弱の身であったのに、健康な体に変えられました。ある者は戦いでめざましい力を与えられ、攻め寄せる敵の軍隊をことごとく退け、大勝利を収めました。
- Nestle Aland 28 - ἔσβεσαν δύναμιν πυρός, ἔφυγον στόματα μαχαίρης, ἐδυναμώθησαν ἀπὸ ἀσθενείας, ἐγενήθησαν ἰσχυροὶ ἐν πολέμῳ, παρεμβολὰς ἔκλιναν ἀλλοτρίων.
- unfoldingWord® Greek New Testament - ἔσβεσαν δύναμιν πυρός, ἔφυγον στόματα μαχαίρης, ἐδυναμώθησαν ἀπὸ ἀσθενείας, ἐγενήθησαν ἰσχυροὶ ἐν πολέμῳ, παρεμβολὰς ἔκλιναν ἀλλοτρίων.
- Nova Versão Internacional - apagaram o poder do fogo e escaparam do fio da espada; da fraqueza tiraram força, tornaram-se poderosos na batalha e puseram em fuga exércitos estrangeiros.
- Hoffnung für alle - und selbst das Feuer konnte ihnen nichts anhaben. Sie entgingen dem Schwert ihrer Verfolger. Als sie schwach waren, gab Gott ihnen neue Kraft. Weil sie sich auf Gott verließen, vollbrachten sie wahre Heldentaten und schlugen die feindlichen Heere in die Flucht.
- Kinh Thánh Hiện Đại - tắt đám lửa hừng, thoát lưỡi gươm địch, chuyển bại thành thắng. Họ đã dũng cảm chiến đấu, quét sạch quân thù.
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - ได้ดับเปลวไฟร้อนแรง และได้แคล้วคลาดจากคมดาบ ผู้ซึ่งความอ่อนแอของเขากลับเป็นความเข้มแข็ง และผู้ได้กลายเป็นคนแข็งกล้าในการสงคราม และได้ไล่ล่ากองทัพจากต่างแดน
交叉引用
- ผู้วินิจฉัย 8:4 - กิเดโอนกับชาย 300 คนมาถึงแม่น้ำจอร์แดนแล้วก็ข้ามต่อไปอีก แม้จะอ่อนแรงแล้วแต่ก็ยังคงไล่ล่าศัตรูไปอย่างไม่หยุดยั้ง
- ผู้วินิจฉัย 8:5 - เขาจึงพูดกับชายชาวสุคคทว่า “ขอให้คนที่ติดตามเรามาได้รับขนมปังบ้าง เพราะพวกเขาอ่อนแรงเหลือเกิน เรากำลังไล่ล่าเศบาห์และศัลมุนนากษัตริย์แห่งมีเดียนอยู่”
- ผู้วินิจฉัย 8:6 - พวกเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของสุคคทพูดว่า “มือของเศบาห์และศัลมุนนาอยู่ในมือของท่านแล้วหรือ จึงจะให้พวกเราเอาขนมปังมาให้กองทัพของท่าน”
- ผู้วินิจฉัย 8:7 - ดังนั้น กิเดโอนพูดว่า “ถ้าฉะนั้นแล้ว เมื่อพระผู้เป็นเจ้ามอบเศบาห์และศัลมุนนาไว้ในมือของเราแล้ว เราจะใช้หนามและพุ่มไม้หนามในถิ่นทุรกันดารขูดเนื้อของท่าน”
- ผู้วินิจฉัย 8:8 - จากนั้นเขาก็ขึ้นไปยังเมืองเปนูเอล และพูดในทำนองเดียวกัน และชายชาวเปนูเอลก็ตอบเขาเหมือนกับที่ชายชาวสุคคทตอบ
- ผู้วินิจฉัย 8:9 - เขาพูดกับชายชาวเปนูเอลว่า “เมื่อเรากลับมาด้วยความมีชัย เราจะโค่นหอคอยนี้ลงเสีย”
- ผู้วินิจฉัย 8:10 - ขณะนั้นเศบาห์และศัลมุนนาอยู่ที่คาร์โคร์กับกองทัพทหารประมาณ 15,000 คนซึ่งเหลือจากกองทัพของชาวตะวันออก พลดาบจำนวน 120,000 คนล้มตายไปแล้ว
- 1 ซามูเอล 20:1 - ดาวิดก็หนีจากนาโยทในรามาห์ ไปหาโยนาธานและพูดว่า “ข้าพเจ้าได้กระทำอะไรหรือ ข้าพเจ้าทำผิดอะไร และข้าพเจ้าทำอะไรที่เป็นบาปในสายตาของบิดาของท่าน ท่านจึงจะเอาชีวิตของข้าพเจ้า”
- ผู้วินิจฉัย 15:14 - เมื่อเขาขึ้นมายังเลฮี ชาวฟีลิสเตียก็พากันตะโกนร้องขณะมาพบเขา แล้วพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าก็สถิตกับแซมสันด้วยอานุภาพ และเชือกที่มัดแขนไว้ก็เป็นราวกับป่านที่ไหม้ไฟ และเชือกผูกมือก็หลุดออกจากมือ
- ผู้วินิจฉัย 15:15 - และเขาพบกระดูกขากรรไกรลาสดๆ จึงเอื้อมมือไปหยิบและใช้กระดูกนั้นฆ่าผู้ชาย 1,000 คน
- ผู้วินิจฉัย 15:16 - และแซมสันพูดว่า “เรากองกระดูกจนสูงพะเนิน ด้วยกระดูกขากรรไกรลา เราได้ฆ่าคน 1,000 คน ด้วยกระดูกขากรรไกรลา”
- ผู้วินิจฉัย 15:17 - ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็โยนกระดูกขากรรไกรทิ้งไป สถานที่นั้นจึงได้ชื่อว่า รามาทเลฮี
- ผู้วินิจฉัย 15:18 - เขากระหายน้ำมาก เขาจึงร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า กล่าวว่า “พระองค์ได้ให้ผู้รับใช้ของพระองค์มีชัยชนะอันยิ่งใหญ่ และข้าพเจ้าจะตายเพราะกระหายน้ำ และตกอยู่ในมือของพวกที่ไม่เข้าสุหนัตในเวลานี้หรือ”
- ผู้วินิจฉัย 15:19 - และพระเจ้าก็ทำให้หลุมที่เลฮีเปิดออก น้ำจึงไหลออกมา เมื่อแซมสันได้ดื่มแล้ว วิญญาณของเขาก็กลับคืนมา และมีชีวิตชีวาขึ้น ฉะนั้นสถานที่นั้นจึงได้ชื่อว่า เอนหักโคร์ ซึ่งอยู่ที่เลฮีมาจนถึงทุกวันนี้
- ผู้วินิจฉัย 15:20 - แซมสันวินิจฉัยอิสราเอลเป็นเวลา 20 ปีในช่วงเวลาที่ชาวฟีลิสเตียเป็นใหญ่
- เยเรมีย์ 26:24 - แต่อาหิคาม บุตรของชาฟานช่วยเหลือเยเรมีย์ ท่านจึงไม่ตกอยู่ในอำนาจของประชาชนที่ต้องการจะฆ่า
- โยบ 42:10 - และพระผู้เป็นเจ้าโปรดให้ความมั่งมีของโยบกลับคืนมา เมื่อเขาอธิษฐานให้เพื่อนๆ ของเขา และพระผู้เป็นเจ้ามอบแก่โยบเป็นสองเท่าจากที่เขาเคยมี
- 2 ซามูเอล 8:1 - หลังจากนั้น ดาวิดสู้รบชนะชาวฟีลิสเตีย และปราบพวกเขาไว้ได้ และดาวิดยึดเมืองเมเธกฮัมมาห์ได้จากมือชาวฟีลิสเตีย
- 2 ซามูเอล 8:2 - ท่านสู้รบชนะชาวโมอับ ท่านสั่งให้พวกเขานอนราบลงกับพื้นเป็นสามแถว ฆ่าเสียสองแถว และไว้ชีวิตเต็มหนึ่งแถว ชาวโมอับจึงมาเป็นข้ารับใช้ดาวิดและนำเครื่องบรรณาการมาถวาย
- 2 ซามูเอล 8:3 - ดาวิดสู้รบชนะฮาดัดเอเซอร์บุตรของเรโหบกษัตริย์แห่งโศบาห์ เมื่อคราวไปฟื้นอำนาจของท่านที่แม่น้ำยูเฟรติส
- 2 ซามูเอล 8:4 - และดาวิดยึดสารถี 1,700 คน และทหารราบ 20,000 คน และดาวิดทำให้ม้าประจำรถศึกของพวกเขาพิการหมด เพียงแต่เหลือไว้สำหรับรถศึก 100 คัน
- 2 ซามูเอล 8:5 - เมื่อชาวอารัม แห่งอาณาเขตดามัสกัสมาช่วยฮาดัดเอเซอร์กษัตริย์แห่งโศบาห์ ดาวิดฆ่าชายชาวอารัมจำนวน 22,000 คน
- 2 ซามูเอล 8:6 - แล้วดาวิดตั้งด่านทหารชั้นนอกที่อาณาจักรอารัมแห่งอาณาเขตดามัสกัสไว้หลายด่าน และชาวอารัมมาเป็นข้ารับใช้ดาวิด และนำเครื่องบรรณาการมาถวาย และไม่ว่าดาวิดไปรบที่ใด พระผู้เป็นเจ้าก็ให้ท่านมีชัยชนะเสมอ
- 2 ซามูเอล 8:7 - ดาวิดยึดโล่ทองคำที่บรรดาผู้รับใช้ของฮาดัดเอเซอร์ถือ และนำไปที่เมืองเยรูซาเล็ม
- 2 ซามูเอล 8:8 - กษัตริย์ดาวิดเอาทองสัมฤทธิ์เป็นอันมากไปจากเมืองเบทาห์และเมืองเบโรธัย เมืองของฮาดัดเอเซอร์
- 2 ซามูเอล 8:9 - เมื่อโทอิกษัตริย์แห่งฮามัททราบว่า ดาวิดรบชนะกองทัพของฮาดัดเอเซอร์ทั้งกองทัพ
- 2 ซามูเอล 8:10 - โทอิจึงให้โยรัมบุตรของตนไปหากษัตริย์ดาวิด เพื่อถามถึงพลานามัย และเพื่ออวยพรท่าน เพราะท่านได้สู้รบกับฮาดัดเอเซอร์ และได้ชัยชนะ เนื่องจากฮาดัดเอเซอร์เคยทำสงครามกับโทอิเสมอมา และโยรัมก็ได้นำเครื่องเงิน เครื่องทองคำและทองสัมฤทธิ์ไปด้วย
- 2 ซามูเอล 8:11 - กษัตริย์ดาวิดถวายสิ่งเหล่านี้แด่พระผู้เป็นเจ้าด้วย พร้อมทั้งเงินและทองคำที่ท่านได้มาจากประชาชาติทั้งปวงที่ท่านไปปราบ และนำมาถวาย
- 2 ซามูเอล 8:12 - จากเอโดม โมอับ ชาวอัมโมน ชาวฟีลิสเตีย อามาเลข และสิ่งที่ริบมาจากฮาดัดเอเซอร์บุตรของเรโหบกษัตริย์แห่งโศบาห์
- 2 ซามูเอล 8:13 - ชื่อเสียงของดาวิดเลื่องลือหลังจากที่ท่านได้ฆ่าชาวเอโดมจำนวน 18,000 คนที่หุบเขาเกลือ
- 2 ซามูเอล 8:14 - และท่านก็ได้สร้างด่านทหารชั้นนอกหลายด่านในเอโดม และชาวเอโดมทั้งหมดมาเป็นข้ารับใช้ของดาวิด และพระผู้เป็นเจ้าให้ดาวิดมีชัยชนะไม่ว่าท่านจะไปรบที่ใด
- 2 ซามูเอล 8:15 - ดาวิดครองราชย์ทั่วทั้งอิสราเอล และท่านปกครองประชาชนของท่านด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม
- 2 ซามูเอล 8:16 - โยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ควบคุมกองทัพ เยโฮชาฟัทบุตรอาหิลูดเป็นผู้บันทึกสาสน์
- 2 ซามูเอล 8:17 - ศาโดกบุตรอาหิทูบ และอาหิเมเลคบุตรอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต เสไรยาห์เป็นเลขา
- 2 ซามูเอล 8:18 - และเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาควบคุมชาวเคเรธและชาวเปเลท และบรรดาบุตรของดาวิดเป็นปุโรหิต
- สดุดี 6:8 - ทุกคนที่ทำความชั่วจงไปให้พ้นจากข้าพเจ้า เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ยินเสียงร้องไห้ของข้าพเจ้า
- ดาเนียล 3:19 - แล้วเนบูคัดเนสซาร์จึงโกรธ ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกยิ่งนัก ความรู้สึกที่มีต่อพวกเขาก็เปลี่ยนไป ท่านสั่งให้ติดไฟที่เตาเผาให้ร้อนกว่าปกติเป็น 7 เท่า
- ดาเนียล 3:20 - และท่านสั่งบรรดานักรบผู้กล้าหาญให้มัดตัวชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก และโยนทั้งสามคนลงในเตาเผาที่มีไฟลุกโพลง
- ดาเนียล 3:21 - ดังนั้น ชายเหล่านั้นถูกมัดทั้งยังสวมเสื้อคลุม เสื้อยาวชั้นใน หมวก และเครื่องแต่งกายชิ้นอื่น แล้วก็ถูกโยนลงในเตาเผาที่ลุกโพลง
- ดาเนียล 3:22 - เพราะคำสั่งของกษัตริย์เด็ดขาด เตาเผาจึงร้อนจัดมาก เปลวไฟเผาไหม้ตัวนักรบที่คุมตัวชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกจนสิ้นชีวิต
- ดาเนียล 3:23 - ส่วนชายทั้งสามคนคือ ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกที่ถูกมัดตัวก็ตกลงในเตาเผาที่มีไฟลุกโพลง
- ดาเนียล 3:24 - กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตกตะลึงถึงกับลุกขึ้นยืนทันที ท่านถามบรรดาที่ปรึกษาของท่านว่า “พวกเราโยนชาย 3 คนที่ถูกมัดตัวลงในเตาไฟมิใช่หรือ” พวกเขาตอบกษัตริย์ว่า “เป็นเช่นนั้นจริงๆ โอ กษัตริย์”
- ดาเนียล 3:25 - ท่านตอบว่า “แต่ว่าเราเห็นชาย 4 คนเดินอยู่กลางเปลวไฟ แก้มัดแล้วด้วย ทั้งสี่คนก็ไม่เป็นอันตราย และดูเหมือนว่า คนที่สี่ดูราวกับบุตรของเทพเจ้า”
- ดาเนียล 3:26 - ดังนั้น เนบูคัดเนสซาร์จึงไปใกล้ประตูเตาเผาที่มีไฟลุกโพลง และพูดว่า “ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกบรรดาผู้รับใช้ของพระเจ้าผู้สูงสุด จงออกมาที่นี่เถิด” ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกจึงออกมาจากกองไฟ
- ดาเนียล 3:27 - ฝ่ายผู้ปกครองแคว้น เจ้าหน้าที่ชั้นสูง ผู้ว่าราชการ และที่ปรึกษาของกษัตริย์ ต่างก็มาห้อมล้อมและเห็นว่าไฟไม่ได้ทำอันตรายต่อร่างกายของชายทั้งสาม ผมก็ไม่ไหม้ เสื้อคลุมไม่ถูกไฟเผา และไม่มีแม้แต่กลิ่นควันไฟติดตัวพวกเขาเลย
- ดาเนียล 3:28 - เนบูคัดเนสซาร์พูดว่า “ขอพระเจ้าของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกได้รับพระพรเถิด พระองค์ได้ส่งทูตสวรรค์มาช่วยบรรดาผู้รับใช้ที่วางใจในพระองค์ พวกเขาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของข้าพเจ้า และยอมสละชีวิตแทนที่จะนมัสการเทพเจ้าใดๆ นอกจากพระเจ้าของพวกเขาเท่านั้น
- ผู้วินิจฉัย 16:19 - นางทำให้เขานอนหนุนตักนาง และนางเรียกชายคนหนึ่งให้มาโกนผมของแซมสัน 7 ปอย แล้วนางก็เริ่มทรมานเขา พลังก็หมดไปจากตัวเขา
- ผู้วินิจฉัย 16:20 - นางพูดว่า “ชาวฟีลิสเตียมีชัยเหนือท่านแล้ว แซมสันเอ๋ย” เขาตื่นขึ้นและพูดว่า “เราจะออกไปเหมือนครั้งก่อนๆ และสลัดตัวให้หลุด” แต่เขาไม่รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าได้จากเขาไปเสียแล้ว
- ผู้วินิจฉัย 16:21 - ครั้นแล้วชาวฟีลิสเตียก็จับตัวแซมสันไว้ ควักลูกตาออกแล้วลากตัวลงไปที่กาซา และใช้ตรวนทองสัมฤทธิ์ล่ามตัวเขาไว้ ใช้ให้เขาโม่แป้งอยู่ที่คุก
- ผู้วินิจฉัย 16:22 - แต่ผมของเขาเริ่มงอกอีกหลังจากที่ถูกโกน
- ผู้วินิจฉัย 16:23 - พวกเจ้านายของชาวฟีลิสเตียประชุมกันเพื่อถวายเครื่องสักการะครั้งใหญ่แก่เทพเจ้าดาโกนเพื่อแสดงความยินดี พวกเขาพูดว่า “เทพเจ้าของเราได้มอบแซมสันศัตรูของเราไว้ในมือเราแล้ว”
- ผู้วินิจฉัย 16:24 - เมื่อประชาชนเห็นแซมสันก็สรรเสริญเทพเจ้าของตน เพราะพากันพูดว่า “เทพเจ้าของเราได้มอบศัตรูของเราไว้ในมือเรา เป็นคนที่ทำลายประเทศเราจนพินาศ เป็นคนที่ฆ่าคนของพวกเราไปมากต่อมาก”
- ผู้วินิจฉัย 16:25 - เมื่อใจของคนเหล่านั้นรื่นเริงอยู่ จึงพูดว่า “เรียกแซมสันสิ เขาจะได้สร้างความบันเทิงให้พวกเราดูบ้าง” ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกแซมสันออกมาจากคุก และแซมสันก็เป็นที่ขบขันสำหรับพวกเขา พวกเขาให้แซมสันยืนอยู่ระหว่างเสา
- ผู้วินิจฉัย 16:26 - และแซมสันพูดกับชายหนุ่มที่จูงมือเขาว่า “ให้เราสัมผัสเสาที่ค้ำบ้าน เราจะได้พิงที่เสา”
- ผู้วินิจฉัย 16:27 - ในขณะนั้นมีทั้งชายและหญิงอยู่กันเต็มบ้าน พวกเจ้านายของชาวฟีลิสเตียก็อยู่ที่นั่นด้วย และบนดาดฟ้าหลังคามีประมาณ 3,000 คนที่กำลังดูแซมสันสร้างความบันเทิงอยู่
- ผู้วินิจฉัย 16:28 - แล้วแซมสันร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า และกล่าวว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ โปรดระลึกถึงข้าพเจ้าและให้พละกำลังแก่ข้าพเจ้าเพียงครั้งนี้เท่านั้น โอ พระเจ้า ข้าพเจ้าจะได้แก้แค้นชาวฟีลิสเตียคืนให้กับลูกตาทั้งสองของข้าพเจ้า”
- ผู้วินิจฉัย 16:29 - แล้วแซมสันก็เอื้อมจับเสากลาง 2 ต้นที่ค้ำบ้านไว้ เขาทุ่มน้ำหนักตัวกับเสา 2 ต้น มือขวาเกาะเสาต้นหนึ่ง มือซ้ายเกาะเสาอีกต้นหนึ่ง
- ผู้วินิจฉัย 16:30 - แซมสันกล่าวว่า “ให้ข้าพเจ้าตายไปกับชาวฟีลิสเตียเถิด” แล้วเขาก้มตัวลงจนสุดกำลัง บ้านจึงพังลงและทับพวกเจ้านายและคนทั้งปวงที่อยู่ในบ้าน ดังนั้นคนที่เขาฆ่าตายไปพร้อมกับตัวเขามีจำนวนมากกว่าพวกที่เขาฆ่าในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่
- โยบ 5:20 - พระองค์จะช่วยท่านให้รอดจากความตายอันเกิดจากทุพภิกขภัย และจากอำนาจของพลังดาบในศึกสงคราม
- 1 ซามูเอล 14:13 - โยนาธานใช้เท้าและมือปีนขึ้นไป คนถืออาวุธก็ตามหลังท่านอย่างใกล้ชิด พวกฟีลิสเตียถูกฆ่าและล้มตายอยู่เบื้องหน้าโยนาธาน และคนถืออาวุธของท่านตามอยู่ข้างหลังก็ได้ฆ่าทหารไปด้วย
- 1 ซามูเอล 14:14 - การโจมตีครั้งแรกนั้น โยนาธานและคนถืออาวุธของท่านฆ่าทหารได้ประมาณ 20 คนที่อยู่ในเขตเนื้อที่ประมาณหนึ่งไร่เศษ
- 1 ซามูเอล 14:15 - เป็นเหตุให้ทหารทั้งกองที่อยู่ทั้งในค่ายและในทุ่งนากลัว ด่านทหารชั้นนอกและแม้แต่ทหารกองปล้นก็ยังกลัวจนตัวสั่น เกิดแผ่นดินไหว ทำให้สถานการณ์เป็นที่น่าตกใจยิ่งนัก
- 2 พงศาวดาร 20:6 - และกล่าวว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของเรา พระองค์เป็นพระเจ้าของฟ้าสวรรค์มิใช่หรือ พระองค์ปกครองทั่วทุกอาณาจักรของบรรดาประชาชาติ อานุภาพและพลังเป็นของพระองค์
- 2 พงศาวดาร 20:7 - โอ พระเจ้าของเรา พระองค์ขับไล่ผู้อยู่อาศัยของแผ่นดินนี้ออกไปต่อหน้าคนของอิสราเอล และมอบให้แก่บรรดาผู้สืบเชื้อสายของอับราฮัมสหายของพระองค์ ตลอดไปมิใช่หรือ
- 2 พงศาวดาร 20:8 - และพวกเขาได้อาศัยอยู่ในนั้น และได้สร้างที่พำนักให้แด่พระองค์ในนั้นเพื่อพระนามของพระองค์
- 2 พงศาวดาร 20:9 - พวกเขาพูดว่า ‘ถ้าความวิบัติมาถึงพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นดาบแห่งการลงโทษ โรคระบาด หรือทุพภิกขภัย เราจะยืน ณ เบื้องหน้าพระองค์ และที่หน้าพระตำหนักนี้ เพราะพระนามของพระองค์อยู่ในพระตำหนักนี้ และเราส่งเสียงร้องต่อพระองค์เพราะเป็นทุกข์ พระองค์จะได้ยินและจะช่วยให้รอดพ้น’
- 2 พงศาวดาร 20:10 - ดูเถิด เวลานี้พวกอัมโมน พวกโมอับ และพวกภูเขาเสอีร์ ที่พระองค์ไม่ยอมให้อิสราเอลบุกรุกขณะที่ออกจากแผ่นดินอียิปต์ อิสราเอลจึงได้หันกลับออกไปและไม่ได้ทำลายพวกเขา
- 2 พงศาวดาร 20:11 - ดูเถิด เขาเหล่านั้นตอบกลับพวกเราด้วยการมาขับไล่เราให้ออกไปจากแผ่นดินของพระองค์ ซึ่งพระองค์ได้มอบให้แก่พวกเราเป็นมรดก
- 2 พงศาวดาร 20:12 - โอ พระเจ้าของเรา พระองค์จะไม่ตัดสินโทษพวกเขาหรือ เพราะพวกเราอ่อนกำลังที่จะปะทะกับกองทัพใหญ่ที่กำลังจะโจมตีพวกเรา พวกเราไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร แต่ก็เห็นว่าพระองค์เท่านั้นเป็นที่พึ่งของเรา”
- 2 พงศาวดาร 20:13 - ยูดาห์ทั้งปวงยืนอยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า พร้อมด้วยภรรยา ลูกๆ และเด็กเล็กๆ ของพวกเขา
- 2 พงศาวดาร 20:14 - และยาฮาซีเอลชาวเลวีผู้สืบเชื้อสายของอาสาฟเปี่ยมด้วยพระวิญญาณพระผู้เป็นเจ้า ในท่ามกลางที่ประชุม ยาฮาซีเอลเป็นบุตรของเศคาริยาห์ เศคาริยาห์เป็นบุตรของเบไนยาห์ เบไนยาห์เป็นบุตรเยอีเอล เยอีเอลเป็นบุตรของมัทธานิยาห์
- 2 พงศาวดาร 20:15 - เขาพูดว่า “ยูดาห์ทั้งปวง ผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็ม และกษัตริย์เยโฮชาฟัท ขอท่านฟังสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวแก่ท่านดังนี้ ‘อย่ากลัวและอย่าท้อถอยเรื่องกองทัพใหญ่นี้ เพราะว่าสงครามครั้งนี้ไม่ใช่ของท่าน แต่เป็นของพระเจ้า
- 2 พงศาวดาร 20:16 - จงลงไปต่อสู้กับพวกเขาในวันพรุ่งนี้ ดูเถิด พวกเขาจะขึ้นมาทางข้ามที่เนินเขาศิส เจ้าจะพบกับพวกเขาที่ท้ายหุบเขา ทางทิศตะวันออกของถิ่นทุรกันดารเยรูเอล
- 2 พงศาวดาร 20:17 - เจ้าไม่จำเป็นจะต้องต่อสู้ในสงครามครั้งนี้ จงมั่นใจได้ เข้าประจำที่ และเจ้าจะเห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าจะช่วยเจ้าให้รอดพ้น โอ ยูดาห์และเยรูซาเล็ม’ อย่ากลัวและอย่าท้อถอยเลย จงออกไปต่อสู้กับพวกเขาในวันพรุ่งนี้ และพระผู้เป็นเจ้าจะสถิตกับท่าน”
- 2 พงศาวดาร 20:18 - ครั้นแล้วเยโฮชาฟัทก็ก้มหน้าลง ยูดาห์ทั้งปวงและผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็มก็ก้มตัวลงกราบนมัสการพระผู้เป็นเจ้า
- 2 พงศาวดาร 20:19 - ชาวเลวีที่เป็นชาวโคฮาทและชาวโคราห์ก็ยืนขึ้นและสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลด้วยเสียงอันดัง
- 2 พงศาวดาร 20:20 - เขาเหล่านั้นลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ และเข้าไปยังถิ่นทุรกันดารเทโคอา ในขณะที่กำลังไป เยโฮชาฟัทยืนขึ้นพูดว่า “ยูดาห์และผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็มจงฟังเรา พวกท่านจงเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน แล้วท่านจะยืนหยัดอยู่ได้ จงเชื่อบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระองค์ และท่านจะได้รับความสำเร็จ”
- 2 พงศาวดาร 20:21 - หลังจากที่ท่านได้ปรึกษากับประชาชนแล้ว ท่านก็กำหนดบรรดาผู้ที่จะร้องเพลงถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า และสรรเสริญพระองค์ในความบริสุทธิ์ของพระองค์ ขณะที่พวกเขาเดินนำหน้ากองทัพออกไป และร้องว่า “จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล”
- 2 พงศาวดาร 20:22 - เมื่อพวกเขาเริ่มร้องเพลงและสรรเสริญ พระผู้เป็นเจ้าก็ให้มีกองดักซุ่มออกมาต่อสู้กับชาวอัมโมน โมอับ และภูเขาเสอีร์ ที่มาบุกรุกยูดาห์ พวกเขาจึงถูกตีพ่ายไป
- 2 พงศาวดาร 20:23 - ชาวอัมโมนและโมอับลุกขึ้นต่อสู้กับผู้อยู่อาศัยของภูเขาเสอีร์ และทำลายพวกเขาจนราบคาบ เมื่อกำจัดผู้อยู่อาศัยของภูเขาเสอีร์เสร็จสิ้นแล้ว ทั้งสองฝ่ายกลับหันมาต่อสู้กันเอง
- 2 พงศาวดาร 20:24 - เมื่อยูดาห์มาถึงหอคอยในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาก็มองไปทางกองทัพใหญ่ ดูเถิด มีแต่ร่างคนตายนอนอยู่บนพื้นดิน ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตไปได้
- 2 พงศาวดาร 20:25 - เมื่อเยโฮชาฟัทและประชาชนมาเก็บของที่ริบได้จากการสู้รบ ก็พบสิ่งของมากมาย มีสิ่งของเครื่องใช้ เสื้อผ้า และของมีค่า เขาแบกขนสิ่งเหล่านี้ไปจนแบกกันไม่ไหวเพราะมีมากเหลือเกิน ต้องใช้เวลาถึง 3 วัน
- 2 พงศ์กษัตริย์ 20:7 - อิสยาห์พูดว่า “จงเอามะเดื่อแห้ง 1 ก้อน และให้เขาเอาไปแปะฝี เพื่อให้ท่านหายจากโรค”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 20:8 - เฮเซคียาห์ถามอิสยาห์ว่า “อะไรจะเป็นหมายสำคัญว่า พระผู้เป็นเจ้าจะรักษาเราให้หายจากโรค และเราจะขึ้นไปยังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าในอีก 3 วัน”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 20:9 - อิสยาห์ตอบว่า “หมายสำคัญจากพระผู้เป็นเจ้าสำหรับท่านคือ พระผู้เป็นเจ้าจะกระทำสิ่งที่พระองค์ได้สัญญาไว้ ท่านจะขอให้เงาทอดลงข้างหน้า 10 ขั้น หรือย้อนหลัง 10 ขั้น”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 20:10 - เฮเซคียาห์ตอบว่า “เงาจะทอดลงข้างหน้า 10 ขั้นย่อมง่ายกว่า ดังนั้นขอให้ย้อนหลัง 10 ขั้นเถิด”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 20:11 - อิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าจึงส่งเสียงร้องต่อพระผู้เป็นเจ้า และพระองค์ทำให้เงาย้อนหลัง 10 ขั้นบนนาฬิกาแดดของอาหัส
- สดุดี 66:12 - พระองค์ปล่อยให้คนขี่ม้าเหยียบย่ำหัวพวกเรา เราบุกน้ำ ลุยไฟ ถึงกระนั้นพระองค์ยังได้นำพวกเราไปยังถิ่นที่อุดมสมบูรณ์
- 2 โครินธ์ 12:9 - แต่พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “ความรักยิ่งที่เรามีต่อเจ้านั้นก็เพียงพอแล้ว เพราะอานุภาพของเราจะบริบูรณ์เพียบพร้อมได้ก็ในความอ่อนแอ” ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงยินดีโอ้อวดความอ่อนแอของตัวเองมากยิ่งขึ้น เพื่อว่าอานุภาพของพระคริสต์จะได้อยู่กับข้าพเจ้า
- 2 โครินธ์ 12:10 - ฉะนั้นข้าพเจ้ายินดีกับความอ่อนแอ การถูกดูหมิ่น ความทุกข์ยาก การกดขี่ข่มเหงและความลำบากเพื่อพระคริสต์ เพราะเวลาข้าพเจ้าอ่อนแอ ข้าพเจ้าก็แข็งแกร่งขึ้น
- 2 พงศาวดาร 32:20 - ด้วยเหตุนี้กษัตริย์เฮเซคียาห์ และอิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ผู้เป็นบุตรอามอสจึงอธิษฐาน ส่งเสียงร้องถึงฟ้าสวรรค์
- 2 พงศาวดาร 32:21 - แล้วพระผู้เป็นเจ้าส่งทูตสวรรค์องค์หนึ่ง ซึ่งไปสังหารบรรดานักรบผู้เก่งกล้า ผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่ในค่ายของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย กษัตริย์ก็กลับไปยังแผ่นดินของท่านด้วยความอับอาย เมื่อท่านมาถึงวิหารของเทพเจ้าของท่าน บุตรชายบางคนของท่านเองจึงใช้ดาบฆ่าท่านที่นั่น
- 2 พงศาวดาร 32:22 - ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าช่วยเฮเซคียาห์และผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็มให้รอดจากเงื้อมมือของเซนนาเคอริบกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย และจากเงื้อมมือของพวกศัตรูอื่นๆ และพระองค์คุ้มครองดูแลพวกเขาในทุกด้าน
- 1 เปโตร 4:12 - ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าประหลาดใจกับความทุกข์ที่ท่านรับอย่างแสนสาหัส เสมือนว่าเป็นสิ่งแปลกที่เกิดขึ้นกับท่าน
- 2 ซามูเอล 21:16 - อิชบีเบโนบเป็นหนึ่งในบรรดาผู้สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์ยักษ์ มีหอกทองสัมฤทธิ์หนัก 300 เชเขล และพกดาบใหม่เล่มหนึ่ง คิดจะสังหารดาวิด
- 2 ซามูเอล 21:17 - แต่อาบีชัยบุตรของนางเศรุยาห์มาช่วยท่าน และต่อสู้กับชาวฟีลิสเตีย และฆ่ามนุษย์ยักษ์เสีย และพรรคพวกของดาวิดสาบานต่อท่านว่า “ท่านอย่าออกรบพร้อมกับพวกเราในสงครามอีกต่อไปเลย เกรงว่าราชวงศ์ของอิสราเอลจะดับสูญ”
- อิสยาห์ 43:2 - เมื่อเจ้าเดินผ่านไปทางสายน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า และผ่านทางแม่น้ำ มันก็จะไม่ท่วมตัวเจ้า เมื่อเจ้าเดินผ่านไฟ เจ้าจะไม่ไหม้ และเปลวไฟจะไม่เผาตัวเจ้า
- 2 พงศาวดาร 14:11 - อาสาร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์ที่จะช่วยผู้อ่อนกำลังให้ต่อสู้กับผู้มีอำนาจมาก โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา โปรดช่วยพวกเราด้วย เราวางใจในพระองค์ เรามาต่อสู้คนจำนวนมหาศาลในพระนามของพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นพระเจ้าของพวกเรา อย่าปล่อยให้มนุษย์ชนะพระองค์เลย”
- 2 พงศาวดาร 14:12 - ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าทำให้ชาวคูชพ่ายแพ้ต่อหน้าอาสาและยูดาห์ และชาวคูชหนีเตลิดไป
- 2 พงศาวดาร 14:13 - อาสาและคนที่อยู่กับท่านจึงไล่ตามพวกเขาไปจนถึงเมืองเก-ราร์ และชาวคูชล้มตายกันจนหมด เพราะพวกเขาถูกปราบอย่างราบคาบ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าและกองทัพของพระองค์ คนของยูดาห์ขนของที่ริบมาได้มากมาย
- 2 พงศาวดาร 14:14 - และพวกเขาโจมตีเมืองต่างๆ ที่อยู่รอบเมืองเก-ราร์ ชาวเมืองต่างเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า พวกของอาสาริบสิ่งของจากเมืองทุกเมืองได้มากมาย
- 2 พงศาวดาร 16:1 - ในปีที่สามสิบหกของรัชสมัยของอาสา บาอาชากษัตริย์แห่งอิสราเอลขึ้นไปโจมตียูดาห์ และสร้างเมืองรามาห์ให้แข็งแกร่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครไปมาหาสู่กับอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์
- 2 พงศาวดาร 16:2 - อาสาจึงนำเงินและทองคำที่มาจากคลังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และวังของกษัตริย์ และส่งไปยังเบนฮาดัดกษัตริย์แห่งอารัม ผู้อาศัยอยู่ในเมืองดามัสกัส พร้อมกับกล่าวว่า
- 2 พงศาวดาร 16:3 - “ขอให้ทำสัญญาระหว่างท่านกับเราเหมือนกับที่บิดาของท่านและของเราทำ ดูเถิด เราได้ส่งเงินและทองคำมาให้ท่าน ขอท่านตัดความสัมพันธ์กับบาอาชากษัตริย์แห่งอิสราเอลเถิด ท่านจะได้ถอนทัพออกไปจากดินแดนของเรา”
- 2 พงศาวดาร 16:4 - เบนฮาดัดฟังคำของอาสาผู้เป็นกษัตริย์ และส่งบรรดาผู้บังคับกองพันของท่านไปโจมตีเมืองต่างๆ ของอิสราเอล และยึดเมืองอิโยน ดาน อาเบลมาอิม และเมืองคลังหลวงของนัฟทาลีทั้งหมด
- 2 พงศาวดาร 16:5 - เมื่อบาอาชาทราบดังนั้น ท่านจึงหยุดการก่อสร้างเมืองรามาห์ และทิ้งงานค้างไว้
- 2 พงศาวดาร 16:6 - และอาสาผู้เป็นกษัตริย์ก็นำคนของยูดาห์มาทั้งหมด ขนหินและไม้ที่บาอาชาใช้สร้างรามาห์ แล้วเอามาสร้างเมืองเก-บาและเมืองมิสปาห์
- 2 พงศาวดาร 16:7 - ในครั้งนั้นฮานานีผู้รู้มาหาอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ และพูดกับท่านว่า “เหตุเพราะท่านไว้วางใจในกษัตริย์แห่งอารัม และไม่วางใจพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน กองทัพของกษัตริย์แห่งอารัมจึงหนีรอดไปจากท่านได้
- 2 พงศาวดาร 16:8 - ชาวคูชและชาวลิเบียมิใช่หรือ ที่เป็นกองทัพใหญ่พร้อมด้วยรถศึกและทหารม้า แต่เพราะท่านวางใจพระผู้เป็นเจ้า พระองค์จึงมอบพวกเขาไว้ในมือของท่าน
- 2 พงศาวดาร 16:9 - เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าเฝ้าจับตามองไปทั่วแผ่นดินโลก เพื่อเสริมกำลังแก่บรรดาผู้ที่มุ่งมั่นต่อพระองค์ แต่ท่านกลับทำตัวอย่างคนเขลา จากนี้ไปท่านจะต้องเผชิญกับสงคราม”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 6:32 - ขณะนั้นเอลีชากำลังนั่งอยู่ที่บ้านท่าน และบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ก็นั่งอยู่ด้วย ฝ่ายกษัตริย์ก็ได้ใช้ผู้ส่งสาสน์ให้ไปเรียกท่านมา แต่ก่อนที่เขาจะมาถึง เอลีชาพูดกับหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ว่า “ท่านเห็นไหมว่า ผู้สังหารท่านนี้ใช้คนมาตัดหัวเรา ดูเอาก็แล้วกัน เมื่อผู้ส่งสาสน์มาถึง จงปิดประตู และอย่าปล่อยให้เขาเข้ามา เสียงฝีเท้าของเจ้านายของเขาต้องตามหลังเขามาอย่างแน่นอน”
- ผู้วินิจฉัย 15:8 - แล้วเขาก็ต่อสู้อย่างรุนแรงจนหลายคนเสียชีวิต และลงไปอาศัยอยู่ในถ้ำหินของเอตาม
- 1 ซามูเอล 17:51 - ดาวิดวิ่งไปและก้มดูชาวฟีลิสเตียคนนั้น ควักดาบออกจากฝัก ฆ่าเขาให้ตายและตัดหัวด้วย เมื่อชาวฟีลิสเตียทั้งปวงเห็นว่าผู้ต่อสู้ตัวเอกของพวกเขาตายเสียแล้ว จึงพากันหนีเตลิดไป
- 1 ซามูเอล 17:52 - ฝ่ายชาวอิสราเอลและยูดาห์ก็วิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับเสียงโห่ร้องไล่ตามชาวฟีลิสเตียไปจนถึงเมืองกัทและประตูเมืองเอโครน ชาวฟีลิสเตียที่บาดเจ็บจึงล้มลงตามทางตั้งแต่ชาอาราอิม ไปจนถึงเมืองกัทและเอโครน
- 2 ซามูเอล 10:15 - เมื่อชาวอารัมเห็นว่าพวกตนพ่ายแพ้อิสราเอลแล้ว จึงได้รวบรวมคนเข้าด้วยกัน
- 2 ซามูเอล 10:16 - ฮาดัดเอเซอร์ให้ชาวอารัมที่อยู่โพ้นแม่น้ำยูเฟรติสออกมา พวกเขามาถึงเมืองเฮลาม โดยมีโชบัคผู้บังคับกองพันทหารของฮาดัดเอเซอร์เป็นผู้นำ
- 2 ซามูเอล 10:17 - เมื่อมีคนรายงานเรื่องแก่ดาวิด ท่านก็รวบรวมอิสราเอลเข้าด้วยกัน และข้ามแม่น้ำจอร์แดน มาจนถึงเฮลาม ชาวอารัมตั้งทัพของตนปะทะกับดาวิด และพวกเขาก็สู้รบกับท่าน
- 2 ซามูเอล 10:18 - และชาวอารัมก็ถอยหนีไปต่อหน้าอิสราเอล ดาวิดฆ่าสารถีชาวอารัม 700 คน และทหารราบ 40,000 คน และโชบัคผู้บังคับกองพันทหารบาดเจ็บสาหัสและสิ้นชีวิตที่นั่น
- 2 ซามูเอล 10:19 - เมื่อบรรดากษัตริย์ทั้งปวงที่ขึ้นกับฮาดัดเอเซอร์เห็นว่าตนพ่ายแพ้อิสราเอลแล้ว พวกเขาจึงยอมสงบศึกกับอิสราเอล และขึ้นกับพวกเขา ดังนั้นชาวอารัมจึงไม่กล้าช่วยเหลือชาวอัมโมนอีกต่อไป
- ผู้วินิจฉัย 7:19 - ดังนั้น กิเดโอนและชาย 100 คนที่อยู่กับเขาก็มาถึงเขตภายนอกค่ายราวเที่ยงคืนเศษๆ ซึ่งเป็นเวลาที่เพิ่งเปลี่ยนยาม พวกเขาจึงเป่าแตรงอน และทุบหม้อที่อยู่ในมือให้แตก
- ผู้วินิจฉัย 7:20 - แล้วคนทั้ง 3 กองก็เป่าแตรงอนและทุบหม้อแตก พวกเขาถือคบไฟในมือซ้าย เป่าแตรงอนที่มือขวาถืออยู่ และพวกเขาร้องเสียงดังว่า “ดาบเพื่อพระผู้เป็นเจ้าและเพื่อกิเดโอน”
- ผู้วินิจฉัย 7:21 - ทุกคนยืนอยู่กับที่รอบค่าย คนทั้งค่ายรีบวิ่ง และร้องตะโกนพลางวิ่งหนีไป
- ผู้วินิจฉัย 7:22 - เมื่อคน 300 คนเป่าแตรงอน พระผู้เป็นเจ้าทำให้คนทั่วทั้งค่ายยกดาบต่อสู้กันเอง ทั้งกองทัพหนีไปยังเบธชิทธาห์ทางไปเมืองเศเรราห์ ไกลจนถึงเขตเมืองอาเบลเมโฮลาห์ใกล้ทับบาท
- ผู้วินิจฉัย 7:23 - แล้วชายชาวอิสราเอลจากนัฟทาลี อาเชอร์ และทั่วทั้งมนัสเสห์ถูกเรียกตัวให้ออกไล่ตามล่าชาวมีเดียนไป
- ผู้วินิจฉัย 7:24 - กิเดโอนให้พวกผู้ส่งข่าวออกไปทั่วหุบเขาเอฟราอิมและให้ประกาศว่า “ลงมาโจมตีพวกมีเดียน และยึดแม่น้ำก่อนพวกเขา ไปไกลถึงเบธบาราห์และแม่น้ำจอร์แดนด้วย” ดังนั้นชายทุกคนของเอฟราอิมถูกเรียกตัวให้ไปยึดแม่น้ำถึงเบธบาราห์และแม่น้ำจอร์แดนด้วย
- ผู้วินิจฉัย 7:25 - นอกจากนั้นก็ได้จับตัวพวกผู้นำของชาวมีเดียนคือโอเรบและเศเอบ และได้ฆ่าโอเรบที่ศิลาโอเรบ และฆ่าเศเอบที่เครื่องสกัดเหล้าองุ่นที่เศเอบ พวกเขาไล่ล่าชาวมีเดียน และเอาศีรษะโอเรบและเศเอบมาให้กิเดโอนซึ่งยังอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำจอร์แดน
- 2 พงศ์กษัตริย์ 6:16 - ท่านตอบว่า “อย่ากลัวเลย เพราะว่าคนของพวกเรามีมากกว่าคนของพวกเขา”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 6:17 - เอลีชาจึงอธิษฐานว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดเปิดตาให้เขามองเห็นด้วยเถิด” ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าจึงเปิดตาของคนรับใช้หนุ่ม และเขาก็เห็น ดูเถิด ภูเขาเต็มไปด้วยม้าและรถศึกเพลิงล้อมรอบเอลีชา
- 2 พงศ์กษัตริย์ 6:18 - เมื่อชาวอารัมลงมาโจมตี เอลีชาอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า “ขอพระองค์ทำให้คนเหล่านี้ตาบอดไปเถิด” ดังนั้นพระองค์ทำให้คนเหล่านั้นตาบอดไป ดังที่เอลีชาอธิษฐานขอ
- 1 พงศ์กษัตริย์ 19:3 - แล้วท่านก็กลัว และรีบหนีไปเพื่อความปลอดภัยของชีวิตท่าน จนมาถึงเบเออร์เช-บา ซึ่งอยู่ในอาณาเขตยูดาห์ โดยทิ้งให้คนรับใช้อยู่ต่อที่นั่น
- สดุดี 144:10 - พระองค์ให้บรรดากษัตริย์มีชัยชนะ และช่วยชีวิตดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์