逐节对照
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า เพราะฟีลิสเตียแก้แค้นด้วยจิตใจที่มุ่งร้าย ต้องการทำให้ยูดาห์พินาศและเป็นอริกันอย่างไม่จบสิ้น
- 新标点和合本 - 主耶和华如此说:“因非利士人向犹大人报仇,就是以恨恶的心报仇雪恨,永怀仇恨,要毁灭他们,
- 和合本2010(上帝版-简体) - “主耶和华如此说:因非利士人报仇,就是心存轻蔑报仇;他们永怀仇恨,意图毁灭,
- 和合本2010(神版-简体) - “主耶和华如此说:因非利士人报仇,就是心存轻蔑报仇;他们永怀仇恨,意图毁灭,
- 当代译本 - “主耶和华说,‘非利士人心存仇恨,为了报世仇要毁灭犹大,
- 圣经新译本 - 主耶和华这样说:“因为非利士人向犹大人报仇雪恨,心存轻蔑报仇雪恨,他们永远怀恨,要毁灭犹大,
- 现代标点和合本 - “主耶和华如此说:因非利士人向犹大人报仇,就是以恨恶的心报仇雪恨,永怀仇恨,要毁灭他们,
- 和合本(拼音版) - 主耶和华如此说:“因非利士人向犹大人报仇,就是以恨恶的心报仇雪恨,永怀仇恨,要毁灭他们。
- New International Version - “This is what the Sovereign Lord says: ‘Because the Philistines acted in vengeance and took revenge with malice in their hearts, and with ancient hostility sought to destroy Judah,
- New International Reader's Version - The Lord and King says, “Deep down inside them, the Philistines hated Judah. So the Philistines tried to get even with them. They had been Judah’s enemies for many years. So they tried to destroy them.”
- English Standard Version - “Thus says the Lord God: Because the Philistines acted revengefully and took vengeance with malice of soul to destroy in never-ending enmity,
- New Living Translation - “This is what the Sovereign Lord says: The people of Philistia have acted against Judah out of bitter revenge and long-standing contempt.
- The Message - “God, the Master, says: Because the Philistines were so spitefully vengeful—all those centuries of stored-up malice!—and did their best to destroy Judah, therefore I, God, the Master, will oppose the Philistines and cut down the Cretans and anybody else left along the seacoast. Huge acts of vengeance, massive punishments! When I bring vengeance, they’ll realize that I am God.”
- Christian Standard Bible - “‘This is what the Lord God says: Because the Philistines acted in vengeance and took revenge with deep contempt, destroying because of their perpetual hatred,
- New American Standard Bible - ‘This is what the Lord God says: “Because the Philistines have acted in revenge, and have taken vengeance with malice in their souls to destroy with everlasting hostility,”
- New King James Version - ‘Thus says the Lord God: “Because the Philistines dealt vengefully and took vengeance with a spiteful heart, to destroy because of the old hatred,”
- Amplified Bible - ‘Thus says the Lord God, “Because the Philistines have acted revengefully and have taken vengeance [contemptuously] with malice in their hearts to destroy with everlasting hostility and hatred,”
- American Standard Version - Thus saith the Lord Jehovah: Because the Philistines have dealt by revenge, and have taken vengeance with despite of soul to destroy with perpetual enmity;
- King James Version - Thus saith the Lord God; Because the Philistines have dealt by revenge, and have taken vengeance with a despiteful heart, to destroy it for the old hatred;
- New English Translation - “This is what the sovereign Lord says: ‘The Philistines have exacted merciless revenge, showing intense scorn in their effort to destroy Judah with unrelenting hostility.
- World English Bible - “‘The Lord Yahweh says: “Because the Philistines have taken revenge, and have taken vengeance with contempt of soul to destroy with perpetual hostility;”
- 新標點和合本 - 主耶和華如此說:「因非利士人向猶大人報仇,就是以恨惡的心報仇雪恨,永懷仇恨,要毀滅他們,
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 「主耶和華如此說:因非利士人報仇,就是心存輕蔑報仇;他們永懷仇恨,意圖毀滅,
- 和合本2010(神版-繁體) - 「主耶和華如此說:因非利士人報仇,就是心存輕蔑報仇;他們永懷仇恨,意圖毀滅,
- 當代譯本 - 「主耶和華說,『非利士人心存仇恨,為了報世仇要毀滅猶大,
- 聖經新譯本 - 主耶和華這樣說:“因為非利士人向猶大人報仇雪恨,心存輕蔑報仇雪恨,他們永遠懷恨,要毀滅猶大,
- 呂振中譯本 - 『永恆主這麼說: 非利士 人 對 猶大 人 既行了報仇的事,既 滿 心懷着輕蔑之意而報仇,以永存的仇恨心要毁滅 他們 ,
- 現代標點和合本 - 「主耶和華如此說:因非利士人向猶大人報仇,就是以恨惡的心報仇雪恨,永懷仇恨,要毀滅他們,
- 文理和合譯本 - 主耶和華曰、非利士人心存蔑視、而行報復、從其永憾、圖滅我民、
- 文理委辦譯本 - 主耶和華曰、非利士人藏匿舊怨、中心叵測、以害我民、
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 主天主如是云、 非利士 人攻我民、狂傲復仇、欲翦滅之、乃從其舊恨、
- Nueva Versión Internacional - «Así dice el Señor omnipotente: Los filisteos se vengaron con alevosía; con profundo desprecio intentaron destruir a Judá por causa de una antigua enemistad.
- 현대인의 성경 - “나 주 여호와가 말한다. 블레셋 사람들이 옛날부터 복수하고자 앙심을 품고 악의와 적대감으로 유다를 멸망시키려고 하였다.
- Новый Русский Перевод - Так говорит Владыка Господь: – Филистимляне были мстительными; они мстили из-за злобы в сердце и стремились погубить Иуду по давней вражде.
- Восточный перевод - Так говорит Владыка Вечный: – Филистимляне были мстительными; они мстили из-за злобы в сердце и стремились погубить Иудею по давней вражде.
- Восточный перевод, версия с «Аллахом» - Так говорит Владыка Вечный: – Филистимляне были мстительными; они мстили из-за злобы в сердце и стремились погубить Иудею по давней вражде.
- Восточный перевод, версия для Таджикистана - Так говорит Владыка Вечный: – Филистимляне были мстительными; они мстили из-за злобы в сердце и стремились погубить Иудею по давней вражде.
- La Bible du Semeur 2015 - Voici ce que déclare le Seigneur, l’Eternel : Puisque les Philistins ont agi par vengeance, et qu’ils se sont vengés, le cœur plein de mépris, au point de tout détruire dans leur haine ancestrale,
- リビングバイブル - 神である主はこう語ります。「ペリシテ人は昔からユダに恨みを抱き、復讐の念に燃えて攻めて来た。
- Nova Versão Internacional - “Assim diz o Soberano, o Senhor: Uma vez que a Filístia agiu por vingança e com maldade no coração e, com antiga hostilidade, buscou destruir Judá,
- Hoffnung für alle - »So spricht Gott, der Herr: Auch die Philister haben sich grausam an meinem Volk gerächt. Voller Hass und Verachtung wollten sie ihre Erzfeinde vernichten.
- Kinh Thánh Hiện Đại - “Đây là điều Chúa Hằng Hữu Chí Cao phán: Người Phi-li-tin đã báo thù với lòng nham hiểm và khinh miệt vì chuyện ghen ghét cũ để tiêu diệt Giu-đa.
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า ‘เนื่องจากชาวฟีลิสเตียอาฆาตและแก้แค้นด้วยใจชั่วร้าย และมุ่งทำลายยูดาห์เพราะเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่โบราณ
交叉引用
- สดุดี 83:7 - เกบาล อัมโมน และอามาเลข ฟีลิสเตีย กับผู้อยู่อาศัยของไทระ
- 1 พงศาวดาร 7:21 - ทาหัทมีบุตรชื่อศาบาด ศาบาดมีบุตรชื่อชูเธลาห์ เอเซอร์กับเอเลอัดถูกผู้ชายที่เกิดในเมืองกัทฆ่าตาย เพราะเขาทั้งสองลงไปปล้นฝูงสัตว์ของพวกเขา
- 1 ซามูเอล 4:1 - แล้วซามูเอลก็กล่าวคำของพระเจ้าแก่ชาวอิสราเอลทั้งปวง ในครั้งนั้นชาวอิสราเอลออกไปสู้รบกับชาวฟีลิสเตีย โดยตั้งค่ายอยู่ที่เอเบนเอเซอร์ ฝ่ายชาวฟีลิสเตียตั้งค่ายอยู่ที่อาเฟก
- 1 ซามูเอล 4:2 - ชาวฟีลิสเตียเตรียมการศึกโดยเข้าประจำตำแหน่งต่อสู้กับชาวอิสราเอล เมื่อการต่อสู้ขยายวงกว้างออกไป อิสราเอลก็พ่ายแพ้แก่ชาวฟีลิสเตีย และเสียชีวิตในสนามรบ 4,000 คน
- 1 ซามูเอล 4:3 - เมื่อเหล่าทหารกลับมาที่ค่าย บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอลพูดว่า “ทำไมวันนี้พระผู้เป็นเจ้าจึงให้เราพ่ายแพ้พวกฟีลิสเตีย เราไปนำหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าจากชิโลห์มาไว้ที่นี่กันเถิด เพื่อหีบ จะได้มาอยู่ท่ามกลางพวกเรา และช่วยเราให้รอดจากกำลังของพวกศัตรู”
- 1 ซามูเอล 4:4 - ดังนั้นประชาชนจึงให้คนไปยังชิโลห์ เพื่อนำหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา องค์ผู้สถิตบนบัลลังก์เหนือตัวเครูบ มาจากที่นั่น โฮฟนีและฟีเนหัสบุตร 2 คนของเอลีอยู่กับหีบพันธสัญญาของพระเจ้าที่นั่น
- 1 ซามูเอล 4:5 - ทันทีที่หีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้ามาถึงค่าย ชาวอิสราเอลทั้งปวงก็ตะโกนร้องเสียงดังจนพื้นดินสะท้าน
- 1 ซามูเอล 4:6 - เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ยินเสียงตะโกน พวกเขาพูดว่า “เสียงดังสนั่นเช่นนี้ที่ค่ายของชาวฮีบรูหมายความว่าอย่างไร” และเมื่อพวกเขาทราบว่าหีบของพระผู้เป็นเจ้าได้มาถึงค่ายแล้ว
- เศคาริยาห์ 9:5 - เมืองอัชเคโลนจะแลเห็นและตกใจกลัว กาซาด้วยที่จะบิดตัวด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส เอโครนด้วย เพราะความหวังจะสับสน กษัตริย์จะสิ้นชีพไปจากกาซา และอัชเคโลนจะถูกทิ้งให้ร้าง
- เศคาริยาห์ 9:6 - “ชนชาติประสมจะอาศัยอยู่ในอัชโดด และเราจะกำจัดความหยิ่งยโสของฟีลิสเตียให้หมดสิ้นไป
- เศคาริยาห์ 9:7 - เราจะเอาเลือดออกจากปากของพวกเขา และเขี่ยอาหารต้องห้ามที่ติดฟันของพวกเขาออกไป ส่วนคนที่เหลืออยู่จะเป็นของพระเจ้าของพวกเรา ซึ่งจะเป็นบรรดาผู้นำในยูดาห์ และเอโครนจะเป็นเหมือนชาวเยบุส
- เศคาริยาห์ 9:8 - แต่เราจะตั้งค่ายที่ตำหนักของเราเช่นผู้ดูแลรักษา เพื่อไม่ให้ผู้ใดย่ำเข้าย่ำออก ไม่ให้ผู้กดขี่ข่มเหงย่ำยีพวกเขาอีก เพราะเราเฝ้าดูด้วยตาของเราเอง
- 1 ซามูเอล 13:1 - เมื่อซาอูลเป็นกษัตริย์ ท่านมีอายุ 30 ปี และท่านปกครองอิสราเอลเป็นเวลา 42 ปี
- 1 ซามูเอล 13:2 - ซาอูลเลือกชายอิสราเอล 3,000 คน 2,000 คนให้อยู่กับท่านที่มิคมาชและในแถบภูเขาเบธเอล 1,000 คนอยู่กับโยนาธานที่กิเบอาห์ของเบนยามิน ส่วนชายอื่นๆ ท่านก็ให้กลับบ้านของตนไป
- 1 ซามูเอล 13:3 - โยนาธานโจมตีด่านทหารชั้นนอกของฟีลิสเตียที่เก-บา และชาวฟีลิสเตียทราบเรื่อง ซาอูลให้คนเป่าแตรงอนทั่วแผ่นดิน และกล่าวว่า “ให้ชาวฮีบรูได้ยิน”
- 1 ซามูเอล 13:4 - อิสราเอลทั้งปวงได้ยินมาว่า ซาอูลได้โจมตีด่านทหารชั้นนอกของฟีลิสเตีย และชื่ออิสราเอลก็เหม็นสำหรับชาวฟีลิสเตีย และประชาชนก็ถูกเรียกให้ไปสมทบกับซาอูลที่กิลกาล
- 1 ซามูเอล 13:5 - ชาวฟีลิสเตียประชุมกันเพื่อต่อสู้กับอิสราเอล มีรถศึก 30,000 คัน สารถี 6,000 คน และกองทัพมีจำนวนมากราวกับเม็ดทรายบนชายฝั่งทะเล พวกเขาขึ้นไปตั้งค่ายที่มิคมาช ทางตะวันออกของเบธอาเวน
- 1 ซามูเอล 13:6 - เมื่อชายชาวอิสราเอลเห็นว่าตนอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดี (เพราะประชาชนถูกโจมตีอย่างหนัก) จึงได้หลบซ่อนอยู่ในถ้ำและในรู ในซอกหิน ในอุโมงค์ และในบ่อ
- 1 ซามูเอล 13:7 - ชาวฮีบรูบางคนถึงกับข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยังดินแดนกาดและกิเลอาด ซาอูลยังอยู่ที่กิลกาล และทหารทั้งหมดที่อยู่ด้วยกับท่านก็กลัวจนตัวสั่น
- 1 ซามูเอล 13:8 - ซาอูลคอยอยู่ 7 วันตามเวลาที่ซามูเอลกำหนดไว้ แต่ซามูเอลไม่ได้มาที่กิลกาล และทหารของซาอูลเริ่มระส่ำระสาย
- 1 ซามูเอล 13:9 - ท่านจึงกล่าวว่า “เอาสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายและของถวายเพื่อสามัคคีธรรมมาให้เรา” และซาอูลก็มอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย
- 1 ซามูเอล 13:10 - ทันทีที่ท่านมอบของถวายเสร็จ ซามูเอลก็มาถึง ซาอูลจึงออกไปทักทาย
- 1 ซามูเอล 13:11 - ซามูเอลถามว่า “ท่านกระทำอะไรลงไป” ซาอูลตอบว่า “เมื่อเราเห็นว่าทหารระส่ำระสาย และท่านก็ไม่ได้มาตามเวลาที่กำหนดไว้ และชาวฟีลิสเตียก็ประชุมกันที่มิคมาช
- 1 ซามูเอล 13:12 - เราจึงคิดว่า ‘คราวนี้ชาวฟีลิสเตียจะลงมาโจมตีเราที่กิลกาล และเรายังไม่ได้ขอให้พระผู้เป็นเจ้าช่วย’ เรารู้สึกว่าควรจะมอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย”
- 1 ซามูเอล 13:13 - ซามูเอลพูดว่า “ท่านกระทำสิ่งที่โง่เขลา ท่านไม่ได้รักษาคำบัญชาที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านให้ท่านไว้ หากว่าท่านรักษาคำบัญชา พระองค์ก็จะสถาปนาอาณาจักรของท่านให้ปกครองอิสราเอลไปตลอดกาล
- 1 ซามูเอล 13:14 - แต่บัดนี้อาณาจักรของท่านจะไม่มั่นคง พระผู้เป็นเจ้าหาชายคนหนึ่งผู้เป็นที่โปรดปรานของพระองค์ยิ่งนัก และได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้นำของชนชาติของพระองค์ เพราะท่านไม่ได้รักษาคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า”
- 2 ซามูเอล 8:1 - หลังจากนั้น ดาวิดสู้รบชนะชาวฟีลิสเตีย และปราบพวกเขาไว้ได้ และดาวิดยึดเมืองเมเธกฮัมมาห์ได้จากมือชาวฟีลิสเตีย
- 2 ซามูเอล 8:2 - ท่านสู้รบชนะชาวโมอับ ท่านสั่งให้พวกเขานอนราบลงกับพื้นเป็นสามแถว ฆ่าเสียสองแถว และไว้ชีวิตเต็มหนึ่งแถว ชาวโมอับจึงมาเป็นข้ารับใช้ดาวิดและนำเครื่องบรรณาการมาถวาย
- 2 ซามูเอล 8:3 - ดาวิดสู้รบชนะฮาดัดเอเซอร์บุตรของเรโหบกษัตริย์แห่งโศบาห์ เมื่อคราวไปฟื้นอำนาจของท่านที่แม่น้ำยูเฟรติส
- 2 ซามูเอล 8:4 - และดาวิดยึดสารถี 1,700 คน และทหารราบ 20,000 คน และดาวิดทำให้ม้าประจำรถศึกของพวกเขาพิการหมด เพียงแต่เหลือไว้สำหรับรถศึก 100 คัน
- 2 ซามูเอล 8:5 - เมื่อชาวอารัม แห่งอาณาเขตดามัสกัสมาช่วยฮาดัดเอเซอร์กษัตริย์แห่งโศบาห์ ดาวิดฆ่าชายชาวอารัมจำนวน 22,000 คน
- 2 ซามูเอล 8:6 - แล้วดาวิดตั้งด่านทหารชั้นนอกที่อาณาจักรอารัมแห่งอาณาเขตดามัสกัสไว้หลายด่าน และชาวอารัมมาเป็นข้ารับใช้ดาวิด และนำเครื่องบรรณาการมาถวาย และไม่ว่าดาวิดไปรบที่ใด พระผู้เป็นเจ้าก็ให้ท่านมีชัยชนะเสมอ
- 2 ซามูเอล 8:7 - ดาวิดยึดโล่ทองคำที่บรรดาผู้รับใช้ของฮาดัดเอเซอร์ถือ และนำไปที่เมืองเยรูซาเล็ม
- 2 ซามูเอล 8:8 - กษัตริย์ดาวิดเอาทองสัมฤทธิ์เป็นอันมากไปจากเมืองเบทาห์และเมืองเบโรธัย เมืองของฮาดัดเอเซอร์
- 2 ซามูเอล 8:9 - เมื่อโทอิกษัตริย์แห่งฮามัททราบว่า ดาวิดรบชนะกองทัพของฮาดัดเอเซอร์ทั้งกองทัพ
- 2 ซามูเอล 8:10 - โทอิจึงให้โยรัมบุตรของตนไปหากษัตริย์ดาวิด เพื่อถามถึงพลานามัย และเพื่ออวยพรท่าน เพราะท่านได้สู้รบกับฮาดัดเอเซอร์ และได้ชัยชนะ เนื่องจากฮาดัดเอเซอร์เคยทำสงครามกับโทอิเสมอมา และโยรัมก็ได้นำเครื่องเงิน เครื่องทองคำและทองสัมฤทธิ์ไปด้วย
- 2 ซามูเอล 8:11 - กษัตริย์ดาวิดถวายสิ่งเหล่านี้แด่พระผู้เป็นเจ้าด้วย พร้อมทั้งเงินและทองคำที่ท่านได้มาจากประชาชาติทั้งปวงที่ท่านไปปราบ และนำมาถวาย
- 2 ซามูเอล 8:12 - จากเอโดม โมอับ ชาวอัมโมน ชาวฟีลิสเตีย อามาเลข และสิ่งที่ริบมาจากฮาดัดเอเซอร์บุตรของเรโหบกษัตริย์แห่งโศบาห์
- 2 ซามูเอล 8:13 - ชื่อเสียงของดาวิดเลื่องลือหลังจากที่ท่านได้ฆ่าชาวเอโดมจำนวน 18,000 คนที่หุบเขาเกลือ
- 2 ซามูเอล 8:14 - และท่านก็ได้สร้างด่านทหารชั้นนอกหลายด่านในเอโดม และชาวเอโดมทั้งหมดมาเป็นข้ารับใช้ของดาวิด และพระผู้เป็นเจ้าให้ดาวิดมีชัยชนะไม่ว่าท่านจะไปรบที่ใด
- 2 ซามูเอล 8:15 - ดาวิดครองราชย์ทั่วทั้งอิสราเอล และท่านปกครองประชาชนของท่านด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม
- 2 ซามูเอล 8:16 - โยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ควบคุมกองทัพ เยโฮชาฟัทบุตรอาหิลูดเป็นผู้บันทึกสาสน์
- 2 ซามูเอล 8:17 - ศาโดกบุตรอาหิทูบ และอาหิเมเลคบุตรอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต เสไรยาห์เป็นเลขา
- 2 ซามูเอล 8:18 - และเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาควบคุมชาวเคเรธและชาวเปเลท และบรรดาบุตรของดาวิดเป็นปุโรหิต
- 1 ซามูเอล 17:1 - ชาวฟีลิสเตียได้รวบรวมกองทหารเพื่อทำสงคราม และประชุมกันที่โสโคห์ซึ่งอยู่ในเขตยูดาห์ ตั้งค่ายอยู่ระหว่างโสโคห์และอาเซคาห์ที่เอเฟสดัมมิม
- 1 ซามูเอล 17:2 - ซาอูลและบรรดาชายชาวอิสราเอลประชุมกัน และตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาเอลาห์ และยืนแถวในแนวรบกับชาวฟีลิสเตีย
- 1 ซามูเอล 17:3 - ชาวฟีลิสเตียยืนอยู่ทางฟากหนึ่งของภูเขา และชาวอิสราเอลยืนอยู่อีกฟากหนึ่ง มีหุบเขากั้นระหว่าง 2 ฝ่าย
- 1 ซามูเอล 17:4 - ผู้ต่อสู้ตัวเอกแห่งเมืองกัทคนหนึ่งสูง 6 ศอก ชื่อโกลิอัท ออกมาจากค่ายของชาวฟีลิสเตีย
- 1 ซามูเอล 17:5 - เขามีหมวกทองสัมฤทธิ์สวมศีรษะ สวมเสื้อเกราะป้องกันตัว เสื้อเป็นทองสัมฤทธิ์หนัก 5,000 เชเขล
- 1 ซามูเอล 17:6 - และมีเกราะทองสัมฤทธิ์ป้องกันขา และมีหอกซัดทองสัมฤทธิ์ผูกไว้บนหลังของเขา
- 1 ซามูเอล 17:7 - ด้ามแหลนของเขาเหมือนไม้กระพั่นของคนทอผ้า ปลายแหลนเป็นเหล็กหนัก 600 เชเขล และคนแบกโล่เดินล่วงหน้าเขาไป
- 1 ซามูเอล 17:8 - โกลิอัทยืนตะโกนบอกชาวอิสราเอลที่ยืนแถวในแนวรบว่า “ทำไมพวกเจ้าออกมายืนแถวเตรียมรบเล่า ข้าไม่ใช่ชาวฟีลิสเตียหรือ และเจ้าเป็นคนรับใช้ของซาอูลมิใช่หรือ จงเลือกชายคนใดคนหนึ่งออกมา ให้เขาลงมาหาข้า
- 1 ซามูเอล 17:9 - ถ้าเขาสามารถสู้และฆ่าข้าได้ พวกเราก็จะเป็นคนรับใช้ของพวกเจ้า แต่ถ้าข้าสู้ชนะและฆ่าเขาตาย พวกเจ้าก็จะเป็นคนรับใช้ของพวกเรา และรับใช้พวกเรา”
- 1 ซามูเอล 17:10 - ชาวฟีลิสเตียคนนั้นพูดว่า “วันนี้เราขอท้าแนวรบของอิสราเอล ส่งชายคนใดคนหนึ่งให้ออกมาสู้กับเราตัวต่อตัว”
- 1 ซามูเอล 17:11 - ครั้นซาอูลและชาวอิสราเอลได้ยินชาวฟีลิสเตียพูดเช่นนั้น ก็ตกใจและหวาดกลัวมาก
- 1 ซามูเอล 17:12 - ดาวิดเป็นบุตรคนหนึ่งของเจสซีชาวเอฟราธาห์แห่งเบธเลเฮมในยูดาห์ เจสซีมีบุตร 8 คน และในช่วงเวลาของซาอูล เจสซีก็ชราและมีอายุมากแล้ว
- 1 ซามูเอล 17:13 - บุตร 3 คนแรกของเจสซีได้ติดตามซาอูลไปสู้รบบ้างแล้ว บุตรทั้งสามที่ได้ไปสู้รบชื่อ เอลีอับบุตรหัวปี อาบีนาดับคนถัดไป และชัมมาห์คนที่สาม
- 1 ซามูเอล 17:14 - ดาวิดเป็นคนสุดท้อง 3 คนแรกติดตามซาอูลไป
- 1 ซามูเอล 17:15 - แต่ดาวิดไปๆ มาๆ ระหว่างซาอูลและกลับไปเลี้ยงดูฝูงแกะของบิดาที่เบธเลเฮม
- 1 ซามูเอล 17:16 - ชาวฟีลิสเตียคนนั้นได้ออกมาท้าทายอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งเช้าทั้งเย็นเป็นเวลา 40 วัน
- 1 ซามูเอล 17:17 - เจสซีพูดกับดาวิดบุตรของตนว่า “เจ้าเอาข้าวคั่ว 1 เอฟาห์ กับขนมปัง 10 ก้อนไป เอาไปให้พี่ๆ ของเจ้าที่ค่ายโดยเร็ว
- 1 ซามูเอล 17:18 - เอาเนยแข็ง 10 ก้อนไปให้ผู้บังคับกองพันด้วย ไปดูซิว่าพวกพี่ชายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง และเอาอะไรจากพวกเขากลับมาพิสูจน์ให้เห็นด้วย”
- 1 ซามูเอล 17:19 - ขณะนั้นซาอูล พวกพี่ชายของดาวิด และชายอิสราเอลคนอื่นๆ กำลังสู้รบกับพวกชาวฟีลิสเตียในหุบเขาเอลาห์
- 1 ซามูเอล 17:20 - ดาวิดลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ ปล่อยให้คนเฝ้าแกะดูแลฝูงแกะ และหอบของที่เจสซีสั่งให้เอาไป เขาเดินทางถึงค่ายขณะที่กองทัพกำลังออกไปเผชิญหน้ากันด้วยเสียงโห่ร้องของสนามรบ
- 1 ซามูเอล 17:21 - ชาวอิสราเอลและชาวฟีลิสเตียยืนแถวในแนวรบ กองทัพปะทะกับกองทัพ
- 1 ซามูเอล 17:22 - ดาวิดจึงให้ของที่หอบมาไว้กับคนดูแลสัมภาระ และวิ่งไปยังกองรบที่ยืนแถวอยู่ และไปทักทายพวกพี่ๆ
- 1 ซามูเอล 17:23 - ขณะที่เขากำลังพูดกับพวกพี่ๆ ดูเถิด ผู้ต่อสู้ตัวเอกชื่อโกลิอัทชาวฟีลิสเตียแห่งเมืองกัท ก็ก้าวออกมาจากแนวรบของพวกฟีลิสเตีย และพูดเหมือนกับที่เคยพูดมาแล้ว และดาวิดได้ยินเขาพูด
- 1 ซามูเอล 17:24 - เมื่อชายชาวอิสราเอลทุกคนเห็นโกลิอัท พวกเขาก็ถอยหนีไปด้วยความกลัวยิ่งนัก
- 1 ซามูเอล 17:25 - ชายชาวอิสราเอลจึงพูดขึ้นว่า “เจ้าเคยเห็นคนที่ขึ้นมาแล้วหรือยัง เขาขึ้นมาเพื่อท้าทายอิสราเอลอย่างแน่นอน กษัตริย์ของเราจะมอบรางวัลอย่างมั่งคั่งให้แก่คนที่ฆ่าเขาได้ และจะมอบบุตรสาวของท่านให้ด้วย อีกทั้งครอบครัวของเขาจะมีอิสระทุกอย่างในประเทศอิสราเอล”
- 1 ซามูเอล 17:26 - ดาวิดพูดกับบรรดาชายที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ว่า “จะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ฆ่าชาวฟีลิสเตียคนนี้ และช่วยอิสราเอลให้พ้นจากคำดูหมิ่นได้ ชาวฟีลิสเตียที่ไม่ได้เข้าสุหนัตผู้นี้เป็นใคร เขาจึงท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ดำรงชีวิต”
- 1 ซามูเอล 17:27 - และประชาชนก็ตอบเหมือนกันว่า “คนที่ฆ่าเขาตายจะได้รับสิ่งดังกล่าวนั้นแหละ”
- 1 ซามูเอล 17:28 - ฝ่ายเอลีอับพี่ชายคนหัวปีของเขาได้ยินดาวิดพูดกับพวกผู้ชาย เอลีอับจึงโกรธดาวิดมาก และถามว่า “เจ้าลงมาทำไม และเจ้าปล่อยแกะไม่กี่ตัวไว้กับใครในถิ่นทุรกันดาร ข้ารู้ความหยิ่งผยองของเจ้า และเจ้าคิดในสิ่งชั่วร้าย เป็นเพราะเจ้าอยากลงมาดูการสู้รบนั่นเอง”
- 1 ซามูเอล 17:29 - ดาวิดจึงตอบว่า “เราไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่พูดไม่กี่คำเท่านั้น”
- 1 ซามูเอล 17:30 - แล้วเขาก็หันไปทางคนอื่น และพูดเหมือนเดิมอีก และประชาชนก็ตอบเขาเหมือนเดิมอีกเช่นกัน
- 1 ซามูเอล 17:31 - เมื่อคนได้ยินสิ่งที่ดาวิดพูด เขาก็ไปพูดให้ซาอูลฟัง ท่านจึงให้คนไปตามตัวมา
- 1 ซามูเอล 17:32 - ดาวิดพูดกับซาอูลว่า “อย่าให้ใครใจเสียเพราะชายคนนั้น ผู้รับใช้ของท่านจะไปต่อสู้กับชาวฟีลิสเตียคนนั้นเอง”
- 1 ซามูเอล 17:33 - ซาอูลพูดกับดาวิดว่า “เจ้าไม่สามารถไปต่อสู้กับชาวฟีลิสเตียคนนั้นได้หรอก เพราะเจ้ายังมีอายุน้อยอยู่ แต่เขาเป็นนักรบมาตั้งแต่เยาว์วัยแล้ว”
- 1 ซามูเอล 17:34 - แต่ดาวิดพูดกับซาอูลว่า “ผู้รับใช้ของท่านเคยเฝ้าดูฝูงแกะให้พ่อ และเมื่อใดที่มีสิงโตหรือหมีมาตะครุบลูกแกะไปจากฝูง
- 1 ซามูเอล 17:35 - ข้าพเจ้าก็ไล่ตามไปสู้ และช่วยลูกแกะรอดจากปากสิงโต แต่ถ้ามันกระโจนใส่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็คว้าขนที่คอ และทุบตีมันจนตาย
- 1 ซามูเอล 17:36 - ผู้รับใช้ของท่านได้ต่อสู้ชนะสิงโตและหมีมาแล้ว และชาวฟีลิสเตียที่ไม่ได้เข้าสุหนัตผู้นี้ก็จะเป็นเหมือนสัตว์เหล่านั้น เพราะเขาท้ากองทัพของพระเจ้าผู้ดำรงอยู่”
- 1 ซามูเอล 17:37 - และดาวิดพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้าผู้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดจากอุ้งเท้าสิงโตและหมี ก็จะช่วยข้าพเจ้าให้รอดจากเงื้อมมือของชาวฟีลิสเตียผู้นี้” ซาอูลจึงพูดกับดาวิดว่า “ไปเถิด และขอให้พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเจ้า”
- 1 ซามูเอล 17:38 - ครั้นแล้วซาอูลก็ให้ดาวิดสวมชุดออกศึกของท่าน ท่านสวมหมวกทองสัมฤทธิ์บนศีรษะ และให้สวมเสื้อเกราะป้องกันตัวให้เขา
- 1 ซามูเอล 17:39 - ดาวิดสะพายดาบของท่านทับชุดออกศึก แล้วพยายามเดินไป แต่เดินไม่ได้ เพราะไม่เคยสวมมาก่อน ดาวิดจึงพูดกับซาอูลว่า “ข้าพเจ้าสวมชุดแบบนี้ไปต่อสู้ไม่ได้หรอก เพราะไม่เคยใช้” ดาวิดจึงปลดออก
- 1 ซามูเอล 17:40 - แล้วเขาก็ถือไม้เท้าของเขา และเลือกก้อนหิน 5 ก้อนจากธารน้ำ เก็บใส่ถุงที่คนเลี้ยงแกะใช้กัน มือถือสลิง แล้วเขาก็เดินไปหาชาวฟีลิสเตียผู้นั้น
- 1 ซามูเอล 17:41 - ชาวฟีลิสเตียเดินหน้าเข้าหาดาวิด พร้อมกับมีคนถือโล่เดินนำหน้าเขา
- 1 ซามูเอล 17:42 - เมื่อชาวฟีลิสเตียมองเห็นดาวิดก็ดูถูกเขา เพราะเป็นเพียงเด็ก ผิวออกแดงๆ และรูปงาม
- 1 ซามูเอล 17:43 - ชาวฟีลิสเตียพูดกับดาวิดว่า “ข้าเป็นหมาหรือไง เจ้าจึงถือไม้มาด้วย” และชาวฟีลิสเตียผู้นั้นก็แช่งด่าดาวิดในนามเทพเจ้าของเขา
- 1 ซามูเอล 17:44 - ชาวฟีลิสเตียพูดกับดาวิดว่า “มาหาข้าสิ ข้าจะได้เอาเนื้อเจ้าให้นกในอากาศกับสัตว์ป่าในทุ่งกิน”
- 1 ซามูเอล 17:45 - แล้วดาวิดพูดกับชาวฟีลิสเตียว่า “ท่านมีดาบ แหลน และหอกซัดมาหาเรา แต่เรามาหาท่านด้วยพระนามของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของกองทัพของอิสราเอลที่ท่านท้าทาย
- 1 ซามูเอล 17:46 - วันนี้พระผู้เป็นเจ้าจะมอบท่านไว้ในมือของเรา และเราจะปราบท่าน และตัดหัวท่าน และเราจะเอาศพทหารของชาวฟีลิสเตียให้นกในอากาศกับสัตว์ป่าในโลกกิน เพื่อทั่วทั้งโลกจะได้รู้ว่ามีพระเจ้าในอิสราเอล
- 1 ซามูเอล 17:47 - และทุกคนที่อยู่ที่นี่จะได้รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ช่วยให้รอดด้วยดาบและแหลน เพราะการสู้รบเป็นของพระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะมอบท่านไว้ในมือของพวกเรา”
- 1 ซามูเอล 17:48 - เมื่อชาวฟีลิสเตียผู้นั้นก้าวเข้าไปหาดาวิดใกล้ยิ่งขึ้น ดาวิดจึงรีบวิ่งสู่สนามรบเพื่อปะทะกับชาวฟีลิสเตียผู้นั้น
- 1 ซามูเอล 17:49 - ดาวิดหยิบก้อนหินที่อยู่ในถุงออกมาก้อนหนึ่ง และเหวี่ยงถูกหน้าผากของชาวฟีลิสเตีย หินก้อนนั้นฝังเข้าไปในหน้าผาก และเขาก็ทรุดตัวลงบนพื้นดิน
- 1 ซามูเอล 17:50 - ดังนั้นดาวิดชนะชาวฟีลิสเตียด้วยสลิงและก้อนหินก้อนเดียว ปราบชาวฟีลิสเตียและฆ่าเขาได้ ดาวิดไม่มีแม้แต่ดาบติดตัว
- 1 ซามูเอล 17:51 - ดาวิดวิ่งไปและก้มดูชาวฟีลิสเตียคนนั้น ควักดาบออกจากฝัก ฆ่าเขาให้ตายและตัดหัวด้วย เมื่อชาวฟีลิสเตียทั้งปวงเห็นว่าผู้ต่อสู้ตัวเอกของพวกเขาตายเสียแล้ว จึงพากันหนีเตลิดไป
- 1 ซามูเอล 17:52 - ฝ่ายชาวอิสราเอลและยูดาห์ก็วิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับเสียงโห่ร้องไล่ตามชาวฟีลิสเตียไปจนถึงเมืองกัทและประตูเมืองเอโครน ชาวฟีลิสเตียที่บาดเจ็บจึงล้มลงตามทางตั้งแต่ชาอาราอิม ไปจนถึงเมืองกัทและเอโครน
- 1 ซามูเอล 17:53 - ชาวอิสราเอลไล่ล่าชาวฟีลิสเตียไปแล้วก็กลับมา เพื่อริบข้าวของไปจากค่าย
- 1 ซามูเอล 17:54 - ฝ่ายดาวิดก็เอาหัวของชาวฟีลิสเตียคนนั้นไปที่เมืองเยรูซาเล็ม และเก็บเสื้อเกราะของโกลิอัทไว้ในกระโจมของตน
- 1 ซามูเอล 17:55 - ทันทีที่ซาอูลเห็นดาวิดออกไปต่อสู้กับชาวฟีลิสเตียคนนั้น ท่านถามอับเนอร์ผู้บังคับกองพันทหารว่า “อับเนอร์ เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้เป็นบุตรของใคร” อับเนอร์ตอบว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ข้าพเจ้าพูดตามตรงว่า ข้าพเจ้าไม่ทราบ”
- 1 ซามูเอล 17:56 - และกษัตริย์กล่าวว่า “ไปไถ่ถามดูสิว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นบุตรของใคร”
- 1 ซามูเอล 17:57 - ขณะที่ดาวิดกลับมาจากการฆ่าฟันชาวฟีลิสเตีย อับเนอร์ก็พาไปหาซาอูลพร้อมกับหัวของชาวฟีลิสเตียยังอยู่ในมือ
- 1 ซามูเอล 17:58 - ซาอูลจึงกล่าวกับเขาว่า “เจ้าหนุ่มน้อย เจ้าเป็นบุตรของใคร” ดาวิดตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นบุตรของเจสซีชาวเบธเลเฮมผู้รับใช้ของท่าน”
- อาโมส 1:6 - พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “กาซากระทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราจะไม่เปลี่ยนใจในการลงโทษ เพราะเมืองนั้นจับคนหลายกลุ่มไปเป็นเชลย และมอบให้แก่เอโดม
- อาโมส 1:7 - ฉะนั้น เราจะให้ไฟไหม้กำแพงเมืองกาซา ไฟจะเผาไหม้ป้อมปราการเมือง
- อาโมส 1:8 - เราจะกำจัดผู้ครองราชย์ไปจากอัชโดด และผู้ถือคทาจากอัชเคโลน เราจะปะทะกับเอโครน จนชาวฟีลิสเตียที่ยังมีชีวิตอยู่จะพินาศ” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าว
- เศฟันยาห์ 2:4 - เพราะเมืองกาซาจะถูกปล่อยทิ้งไว้ และเมืองอัชเคโลนกลายเป็นสถานที่ร้าง ตอนกลางวันแสกๆ เมืองอัชโดดจะไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่ เมืองเอโครนล่มสลาย
- เศฟันยาห์ 2:5 - วิบัติเกิดแก่บรรดาผู้อาศัยอยู่ริมฝั่งทะเล โอ ประชาชาติของชาวเคเรธเอ๋ย คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าคัดค้านพวกท่านดังนี้ โอ คานาอันเอ๋ย แผ่นดินของชาวฟีลิสเตียเอ๋ย “เราจะทำให้เจ้าพินาศ และจะไม่มีใครสักคนเหลืออยู่เลย”
- เศฟันยาห์ 2:6 - แผ่นดินที่ริมฝั่งทะเลอันเป็นที่ชาวเคเรธอาศัยอยู่ จะเป็นทุ่งหญ้าสำหรับบรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ และสำหรับฝูงแกะ
- เศฟันยาห์ 2:7 - ดินแดนนั้นจะเป็นของผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ ของพงศ์พันธุ์ยูดาห์ พวกเขาจะพบทุ่งหญ้าที่นั่น ในเวลาเย็น พวกเขาจะนอนพัก ในบ้านเรือนของเมืองอัชเคโลน พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขาจะดูแลพวกเขา พระองค์จะทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของเขาคืนสู่สภาพเดิม
- โยเอล 3:4 - โอ ไทระ ไซดอน และทั่วทุกแคว้นในฟีลิสเตียเอ๋ย พวกเจ้าต่อต้านเราเรื่องอะไรกัน พวกเจ้ากำลังกระทำกลับคืนให้กับเราเพราะอะไรหรือ ถ้าพวกเจ้าจะจ่ายคืนให้กับเรา เราจะจ่ายกลับคืนบนหัวของเจ้าเองอย่างไม่รอช้าและรวดเร็ว
- โยเอล 3:5 - เพราะพวกเจ้าได้เอาเงินและทองคำของเราไป และได้ขนของล้ำค่าและดีที่สุดของเราไปยังวิหารของเจ้า
- โยเอล 3:6 - พวกเจ้าขายชาวยูดาห์และเยรูซาเล็มให้แก่ชาวกรีก เพื่อย้ายพวกเขาไปให้ไกลจากถิ่นฐานของพวกเขา
- โยเอล 3:7 - ดูเถิด เราจะกระตุ้นพวกเขาให้กลับออกมาจากที่ซึ่งเจ้าขายพวกเขาไป และเราจะจ่ายกลับคืนบนหัวของเจ้าเอง
- โยเอล 3:8 - เราจะขายบรรดาบุตรชายและบุตรสาวของเจ้าให้ตกอยู่ในมือของชาวยูดาห์ และพวกเขาจะขายต่อให้แก่ชาวเช-บา ซึ่งเป็นประชาชาติที่อยู่ห่างไกล” ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวแล้ว
- โยเอล 3:9 - จงประกาศเรื่องดังกล่าวแก่บรรดาประชาชาติ จงกระชับเครื่องอาวุธของท่าน กระตุ้นทหารกล้า ให้บรรดานักรบเดินทัพเข้ามาใกล้ ให้พวกเขาขึ้นมา
- โยเอล 3:10 - จงตีใบมีดคันไถให้เป็นดาบ และเครื่องมือลิดกิ่งไม้ให้เป็นหอก ให้คนที่อ่อนแอพูดดังนี้ว่า “ฉันเป็นคนเข้มแข็ง”
- โยเอล 3:11 - ประชาชาติทั้งปวงเอ๋ย พวกท่านจงมาโดยเร็ว และรวมตัวกันอยู่ที่นั่น โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ทำให้บรรดานักรบของพระองค์พ่ายแพ้เถิด
- โยเอล 3:12 - ให้บรรดาประชาชาติกระตุ้นตัวเอง และขึ้นมายังหุบเขาเยโฮชาฟัท เพราะ ณ ที่นั้นเราจะนั่งตัดสินความ ประชาชาติทั้งปวงที่อยู่รอบข้าง
- โยเอล 3:13 - จงใช้เคียวเกี่ยว เพราะได้เวลาเก็บเกี่ยวแล้ว มาเหยียบย่ำผลองุ่นเถิด เพราะเครื่องสกัดเต็มแล้ว และถังเหล้าองุ่นเปี่ยมล้น ความชั่วร้ายของพวกเขามีมากยิ่งนัก
- โยเอล 3:14 - ฝูงชนจำนวนมาก ฝูงชนจำนวนมาก ในหุบเขาแห่งการตัดสินใจ เพราะวันของพระผู้เป็นเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว ในหุบเขาแห่งการตัดสินใจ
- โยเอล 3:15 - ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มืดลง และดวงดาวไม่ส่องแสง
- โยเอล 3:16 - พระผู้เป็นเจ้าจะเปล่งเสียงดั่งสิงห์คำรามจากศิโยน และส่งเสียงของพระองค์จากเยรูซาเล็ม ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกสั่นสะเทือนและสั่นไหว แต่พระผู้เป็นเจ้าเป็นที่พึ่งพิงของชนชาติของพระองค์ เป็นหลักยึดอันมั่นคงของชาวอิสราเอล
- โยเอล 3:17 - “เพื่อพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า ผู้พำนักในศิโยน ภูเขาอันบริสุทธิ์ของเรา และเยรูซาเล็มจะบริสุทธิ์ และบรรดาชาวต่างชาติจะไม่บุกรุกที่นั่นอีกต่อไป
- โยเอล 3:18 - และในวันนั้น เทือกเขาจะหยดเหล้าองุ่นใหม่ และเนินเขาจะอุดมด้วยน้ำนม และธารน้ำทุกแห่งในหุบเขาของยูดาห์ จะมีน้ำไหลริน และน้ำพุจะไหลออกจากพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และจะรดหุบเขาชิทธีม
- โยเอล 3:19 - อียิปต์จะกลายเป็นที่รกร้าง และเอโดมจะเป็นถิ่นทุรกันดารที่รกร้าง เนื่องจากพวกเขากระทำความรุนแรงต่อชาวยูดาห์ และได้ฆ่าคนไร้ความผิดในแผ่นดินของพวกเขา
- โยเอล 3:20 - แต่ยูดาห์จะมีผู้อยู่อาศัยไปตลอดกาล และเยรูซาเล็มจะมีเช่นกันตลอดทุกชั่วอายุคน
- โยเอล 3:21 - เราจะไม่ปล่อยให้มือที่โชกเลือดรอดตัวไป โดยที่เรายังไม่ได้สนองตอบ ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้าพำนักในศิโยน”
- อิสยาห์ 9:12 - ทั้งพวกชาวอารัมที่ด้านตะวันออก และชาวฟีลิสเตียที่ด้านตะวันตก ก็ได้อ้าปากเพื่อเขมือบอิสราเอล ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังไม่หายกริ้วกับเรื่องเหล่านี้ และมือของพระองค์จึงยังเหยียดออกไป
- 1 ซามูเอล 21:1 - ดาวิดไปหาอาหิเมเลคปุโรหิตที่เมืองโนบ อาหิเมเลคตัวสั่นมาพบกับดาวิด และถามว่า “ทำไมท่านจึงมาคนเดียว ไม่มีใครมาด้วยหรือ”
- 1 ซามูเอล 21:2 - ดาวิดตอบอาหิเมเลคปุโรหิตว่า “กษัตริย์บัญชาให้ข้าพเจ้าทำสิ่งหนึ่งและสั่งด้วยว่า ‘อย่าให้ใครทราบเรื่องนี้ว่า เราสั่งให้เจ้าทำอะไร’ ข้าพเจ้านัดพบกับพวกทหารที่ที่แห่งหนึ่ง
- 1 ซามูเอล 21:3 - เอาล่ะ ท่านพอมีอาหารติดตัวมาบ้างไหม ขอขนมปังสัก 5 ก้อน หรืออะไรก็ได้ที่มีอยู่ที่นี่”
- 1 ซามูเอล 21:4 - ปุโรหิตตอบดาวิดว่า “เราไม่มีขนมปังธรรมดาติดตัวมา แต่มีขนมปังอันบริสุทธิ์ ถ้าหากว่าพวกทหารของท่านได้ละเว้นจากผู้หญิง”
- 1 ซามูเอล 21:5 - ดาวิดตอบปุโรหิตว่า “พวกเราอยู่ห่างจากผู้หญิงเสมอเวลาเราออกเดินทางปฏิบัติงาน กายของพวกทหารก็บริสุทธิ์แม้จะเป็นเวลาเดินทางตามปกติ แล้วในวันนี้กายพวกเขาจะบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเพียงไร”
- 1 ซามูเอล 21:6 - ดังนั้นปุโรหิตจึงให้ขนมปังอันบริสุทธิ์แก่ดาวิด เพราะไม่มีขนมปังชนิดอื่น นอกจากขนมปังอันบริสุทธิ์ที่หยิบมาจากเบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และจะมีขนมปังอบใหม่ๆ มาถวายแทนในวันเดียวกันนั้น
- 1 ซามูเอล 21:7 - ในวันนั้นข้ารับใช้คนหนึ่งของซาอูลบังเอิญอยู่ที่นั่น เพราะถูกกักตัวไว้ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า เขาชื่อโดเอกชาวเอโดม เป็นหัวหน้าคนเลี้ยงดูฝูงแกะของซาอูล
- 1 ซามูเอล 21:8 - ดาวิดถามอาหิเมเลคว่า “ท่านไม่มีดาบหรือหอกบ้างหรือ ข้าพเจ้าก็ไม่ได้เอาดาบหรืออาวุธติดตัวมาด้วย เพราะงานของกษัตริย์ที่บัญชาให้ทำเร่งด่วน”
- 1 ซามูเอล 21:9 - ปุโรหิตตอบว่า “ดาบของโกลิอัทชาวฟีลิสเตียที่ท่านฆ่าตายในหุบเขาเอลาห์นั้นยังอยู่ที่นี่ ห่อเก็บไว้ในผ้าอยู่ข้างหลังชุดคลุม ถ้าท่านจะเอาดาบเล่มนั้น ก็เอาไปได้ เพราะที่นี่ไม่มีอะไรอีกแล้วนอกจากดาบเล่มนั้น” ดาวิดตอบว่า “ไม่มีดาบไหนเหมือนดาบเล่มนั้น เอามาให้ข้าพเจ้าเถิด”
- 1 ซามูเอล 21:10 - วันนั้นดาวิดหนีไปจากซาอูล ไปหาอาคีชกษัตริย์แห่งกัท
- 1 ซามูเอล 21:11 - พวกข้ารับใช้ของอาคีชพูดกับท่านว่า “นี่ดาวิดกษัตริย์ของแผ่นดินนั้นมิใช่หรือ ที่มีคนร้องรำทำเพลงถึงว่า ‘ซาอูลได้ฆ่าคนนับพันคน และดาวิดฆ่าคนนับหมื่น’”
- 1 ซามูเอล 21:12 - ดาวิดขบคิดถึงคำพูดนั้นอยู่ในใจ และกลัวอาคีชกษัตริย์แห่งกัท
- 1 ซามูเอล 21:13 - เขาจึงแสร้งเสียสติ ต่อหน้าคนเหล่านั้น และขณะที่เขาถูกเหนี่ยวรั้งอยู่ในมือพวกเขา ดาวิดก็ทำทีว่าเป็นคนบ้า ขูดขีดที่ประตูเมือง ปล่อยให้น้ำลายไหลลงบนเครา
- 1 ซามูเอล 21:14 - อาคีชจึงพูดกับพวกข้ารับใช้ว่า “ดูสิ พวกเจ้าก็เห็นว่าคนนั้นเป็นบ้า แล้วทำไมจึงพาเขามาหาเรา
- 1 ซามูเอล 21:15 - เราขาดคนบ้าหรือ พวกเจ้าจึงได้พาเจ้าคนนี้มาทำตัวเหมือนคนบ้าขวางหน้าเรา จะต้องให้คนนี้เข้ามาในบ้านเราหรือ”
- เยเรมีย์ 47:1 - พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเยเรมีย์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าถึงเรื่องชาวฟีลิสเตีย ก่อนที่ฟาโรห์โจมตีกาซา
- เยเรมีย์ 47:2 - พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “ดูเถิด กระแสน้ำกำลังไหลหลากจากทิศเหนือ และจะกลายเป็นลุ่มน้ำที่ไหลล้น จะท่วมแผ่นดินและทุกสิ่งในแผ่นดิน คือเมืองและบรรดาผู้อยู่อาศัย ผู้คนจะส่งเสียงร้อง และทุกคนที่อยู่บนแผ่นดินจะร้องรำพัน
- เยเรมีย์ 47:3 - จะมีเสียงกระทบของกีบม้า เสียงรถศึกควบด้วยความเร็ว ล้อรถส่งเสียงกระหึ่ม พ่อๆ ไม่หันหลังกลับไปดูลูกๆ มือของพวกเขาอ่อนปวกเปียก
- เยเรมีย์ 47:4 - เพราะถึงวันที่จะให้ชาวฟีลิสเตีย ทั้งหมดพินาศ ให้กำจัดทุกคนที่มีชีวิตรอด ซึ่งช่วยเหลือไทระและไซดอน เพราะพระผู้เป็นเจ้ากำลังจะทำให้ชาวฟีลิสเตียพินาศ คือผู้ที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่ของเกาะคัฟโทร์
- เยเรมีย์ 47:5 - กาซาจะอยู่ในสภาพที่โกนศีรษะให้ล้าน อัชเคโลนก็ตายแล้ว โอ ผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ในหุบเขา เจ้าจะกรีดเนื้อตัวเองไปอีกนานแค่ไหน
- เยเรมีย์ 47:6 - โอ ดาบของพระผู้เป็นเจ้า เมื่อไหร่ดาบจึงจะเงียบลง กลับเข้าไปอยู่ในฝักเถิด หยุดและเงียบเถิด
- เยเรมีย์ 47:7 - ดาบจะพักได้อย่างไร ในเมื่อพระผู้เป็นเจ้าบัญชา เมื่อพระองค์ได้สั่งให้ดาบโจมตี อัชเคโลนและแถบชายฝั่งทะเล”
- ผู้วินิจฉัย 14:1 - แซมสันได้ลงไปยังเมืองทิมนาห์ และเขาเห็นผู้หญิงชาวฟีลิสเตียคนหนึ่ง
- ผู้วินิจฉัย 14:2 - เขาจึงขึ้นไปบอกบิดามารดาของเขาว่า “ลูกเห็นผู้หญิงชาวฟีลิสเตียคนหนึ่งที่ทิมนาห์ ช่วยไปขอเธอมาเป็นภรรยาให้ลูกในเวลานี้เถิด”
- ผู้วินิจฉัย 14:3 - แต่บิดามารดาพูดกับเขาว่า “ไม่มีหญิงใดในกลุ่มญาติของเจ้า หรือในหมู่คนของพวกเราเองหรืออย่างไร เจ้าถึงต้องไปหาภรรยาจากชาวฟีลิสเตียที่ไม่เข้าสุหนัต” แต่แซมสันพูดกับบิดาของตนว่า “ไปขอเธอมาให้ลูกเถิด เพราะเธอต้องตาต้องใจลูก”
- ผู้วินิจฉัย 14:4 - บิดามารดาของเขาไม่ทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าบันดาลให้เกิดเรื่องนี้ เพราะพระองค์ใช้โอกาสที่จะให้เขาต่อสู้ชาวฟีลิสเตีย ในเวลานั้นชาวฟีลิสเตียเป็นใหญ่เหนืออิสราเอล
- ผู้วินิจฉัย 14:5 - จากนั้นแซมสันก็ลงไปยังทิมนาห์กับบิดามารดาของเขา เมื่อมาถึงสวนองุ่นในทิมนาห์ ดูเถิดสิงโตหนุ่มตัวหนึ่งเดินคำรามตรงมายังแซมสัน
- ผู้วินิจฉัย 14:6 - และพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าก็สถิตกับแซมสัน และแม้ว่าเขาไม่มีอะไรในมือ เขาก็ยังฉีกตัวสิงโตออกเป็นชิ้นๆ ได้ราวกับฉีกเนื้อแพะหนุ่ม แต่เขาไม่ได้บอกให้บิดามารดาฟังว่าเขาได้ทำอะไรไป
- ผู้วินิจฉัย 14:7 - แล้วเขาลงไปพูดกับหญิงคนนั้น และเธอก็ต้องตาต้องใจเขา
- ผู้วินิจฉัย 14:8 - อยู่มาวันหนึ่งแซมสันกลับไปรับตัวเธอ ขณะที่ไป เขาหันไปดูซากสิงโต ดูเถิด มีฝูงผึ้งอยู่ในตัวสิงโต และมีน้ำผึ้งด้วย
- ผู้วินิจฉัย 14:9 - เขาใช้มือทั้งสองควักน้ำผึ้งกิน และเดินต่อไป ซ้ำยังเอาไปให้บิดามารดากินด้วย แต่เขาไม่ได้บอกว่าเขาควักน้ำผึ้งได้จากซากสิงโต
- ผู้วินิจฉัย 14:10 - บิดาของเขาลงไปหาหญิงคนนั้น และแซมสันก็เตรียมงานเลี้ยงที่นั่นตามที่บรรดาเจ้าบ่าวนิยมทำกัน
- ผู้วินิจฉัย 14:11 - ทันทีที่ประชาชนเห็นแซมสัน พวกเขาก็ให้คนมาเป็นเพื่อนด้วย 30 คน
- ผู้วินิจฉัย 14:12 - แซมสันพูดกับเขาเหล่านั้นว่า “ให้เราทายปริศนากับท่านข้อหนึ่งเถิด ถ้าท่านไขได้ว่าคืออะไร ภายใน 7 วันที่มีงานเลี้ยง เราจะให้เสื้อป่าน 30 ตัวกับเสื้อใหม่อีก 30 ตัว
- ผู้วินิจฉัย 14:13 - แต่ถ้าหากว่าท่านไขปริศนาไม่ได้ว่าคืออะไร ท่านก็จะต้องให้เสื้อป่าน 30 ตัวกับเสื้อใหม่ 30 ตัวแก่เรา” พวกเขาจึงตอบว่า “เปิดปริศนาเถิด พวกเราจะได้ฟังกัน”
- ผู้วินิจฉัย 14:14 - เขาจึงกล่าวว่า “มีของที่กินได้ที่ออกมาจากตัวที่กิน สิ่งที่หวานออกมาจากตัวที่แข็งแรง” สามวันผ่านไป พวกเขายังไม่สามารถไขปริศนาได้
- ผู้วินิจฉัย 14:15 - ในวันที่สี่ พวกเขาพูดกับภรรยาของแซมสันว่า “จงหว่านล้อมสามีของเจ้าเพื่อพวกเราจะได้รู้ว่าคำตอบของปริศนาคืออะไร มิฉะนั้นแล้ว พวกเราจะเผาตัวเจ้าและคนในครอบครัวของบิดาของเจ้าให้ตายหมด เจ้าเชิญเรามาเพื่อทำให้พวกเราหมดตัวหรือ”
- ผู้วินิจฉัย 14:16 - ภรรยาของแซมสันจึงไปร้องไห้ใส่แซมสันว่า “ท่านเกลียดชังเรา ท่านไม่รักเรา ท่านตั้งปริศนาให้คนของเราทาย และท่านยังไม่ได้บอกเราเลยว่า คำตอบคืออะไร” เขาตอบนางว่า “ดูเถิด เราไม่ได้บอกพ่อแม่ของเราเอง จะให้เราบอกเจ้าหรือ”
- 2 พงศาวดาร 28:18 - และชาวฟีลิสเตียได้โจมตีเมืองต่างๆ ในที่ลุ่มและในเนเกบของยูดาห์ และได้ยึดเบธเชเมช อัยยาโลน เกเดโรท โสโคและหมู่บ้านรอบๆ ทิมนาห์และหมู่บ้านรอบๆ กิมโซและหมู่บ้านรอบๆ และพวกเขาก็ตั้งรกรากอยู่ที่นั่น
- เยเรมีย์ 25:20 - และชาวต่างชาติในหมู่พวกเขา กษัตริย์ทั้งปวงแห่งดินแดนอูส กษัตริย์ทั้งปวงของชาวฟีลิสเตีย (อัชเคโลน กาซา เอโครน และชาวอัชโดดที่ยังเหลืออยู่)
- อิสยาห์ 14:29 - “โอ ฟีลิสเตียเอ๋ย พวกเจ้าทุกคนอย่ายินดีเลย ที่ไม้ตะบองซึ่งทุบตีเจ้าหักแล้ว เพราะงูพิษตัวหนึ่งจะผุดขึ้นจากรากเหง้าของงู และผลของมันจะเป็นงูพิษร้ายซึ่งพุ่งฉกอย่างร้อนรน
- อิสยาห์ 14:30 - และผู้อัตคัดขัดสนที่สุดจะมีอย่างอุดมสมบูรณ์ และผู้ยากไร้จะนอนลงอย่างปลอดภัย แต่เราจะฆ่ารากเหง้าของเจ้าด้วยความอดอยาก และมันจะสังหารคนที่เหลืออยู่
- อิสยาห์ 14:31 - โอ ประตูเมืองเอ๋ย จงร้องรำพันเถิด โอ เมืองเอ๋ย จงร่ำร้องเถิด โอ ฟีลิสเตีย พวกเจ้าทุกคนจะหวาดกลัวจนตัวสั่น เพราะกลุ่มควันจะพวยพุ่งมาจากทิศเหนือ และไม่มีผู้ใดในกองทัพที่แตกแถวออกไป”
- เอเสเคียล 25:12 - พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า เพราะเอโดมแก้แค้นพงศ์พันธุ์ยูดาห์ และขุ่นเคืองที่รู้สึกผิดต่อการแก้แค้นนั้น
- เอเสเคียล 25:6 - เพราะพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เพราะเจ้าปรบมือและยกเท้ากระทืบ และจิตใจของเจ้าเริงร่าที่มุ่งร้ายต่อแผ่นดินของอิสราเอล