逐节对照
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - เราพิพากษาบรรพบุรุษของเจ้าในถิ่นกันดารของอียิปต์อย่างไร เราจะพิพากษาเจ้าอย่างนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น
- 新标点和合本 - 我怎样在埃及地的旷野刑罚你们的列祖,也必照样刑罚你们。这是主耶和华说的。
- 和合本2010(上帝版-简体) - 我怎样在埃及地的旷野审判你们的祖先,也必照样审判你们。这是主耶和华说的。
- 和合本2010(神版-简体) - 我怎样在埃及地的旷野审判你们的祖先,也必照样审判你们。这是主耶和华说的。
- 当代译本 - 我从前在埃及的旷野怎样审判你们的祖先,也必怎样审判你们。这是主耶和华说的。
- 圣经新译本 - 我怎样在埃及地的旷野审判你们的祖先,也必怎样审判你们。这是主耶和华的宣告。
- 现代标点和合本 - 我怎样在埃及地的旷野刑罚你们的列祖,也必照样刑罚你们。这是主耶和华说的。
- 和合本(拼音版) - 我怎样在埃及地的旷野刑罚你们的列祖,也必照样刑罚你们。这是主耶和华说的。
- New International Version - As I judged your ancestors in the wilderness of the land of Egypt, so I will judge you, declares the Sovereign Lord.
- New International Reader's Version - Long ago, I judged your people in the desert of Egypt. In the same way, I will judge you,” announces the Lord and King.
- English Standard Version - As I entered into judgment with your fathers in the wilderness of the land of Egypt, so I will enter into judgment with you, declares the Lord God.
- New Living Translation - I will judge you there just as I did your ancestors in the wilderness after bringing them out of Egypt, says the Sovereign Lord.
- The Message - “‘As I faced your parents with judgment in the desert of Egypt, so I’ll face you with judgment. I’ll scrutinize and search every person as you arrive, and I’ll bring you under the bond of the covenant. I’ll cull out the rebels and traitors. I’ll lead them out of their exile, but I won’t bring them back to Israel. “‘Then you’ll realize that I am God.
- Christian Standard Bible - Just as I entered into judgment with your ancestors in the wilderness of the land of Egypt, so I will enter into judgment with you. This is the declaration of the Lord God.
- New American Standard Bible - Just as I entered into judgment with your fathers in the wilderness of the land of Egypt, so I will enter into judgment with you,” declares the Lord God.
- New King James Version - Just as I pleaded My case with your fathers in the wilderness of the land of Egypt, so I will plead My case with you,” says the Lord God.
- Amplified Bible - As I entered into judgment with your fathers in the wilderness of the land of Egypt, so I will enter into judgment and contend with you,” says the Lord God.
- American Standard Version - Like as I entered into judgment with your fathers in the wilderness of the land of Egypt, so will I enter into judgment with you, saith the Lord Jehovah.
- King James Version - Like as I pleaded with your fathers in the wilderness of the land of Egypt, so will I plead with you, saith the Lord God.
- New English Translation - Just as I entered into judgment with your fathers in the wilderness of the land of Egypt, so I will enter into judgment with you, declares the sovereign Lord.
- World English Bible - Just as I entered into judgment with your fathers in the wilderness of the land of Egypt, so I will enter into judgment with you,” says the Lord Yahweh.
- 新標點和合本 - 我怎樣在埃及地的曠野刑罰你們的列祖,也必照樣刑罰你們。這是主耶和華說的。
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 我怎樣在埃及地的曠野審判你們的祖先,也必照樣審判你們。這是主耶和華說的。
- 和合本2010(神版-繁體) - 我怎樣在埃及地的曠野審判你們的祖先,也必照樣審判你們。這是主耶和華說的。
- 當代譯本 - 我從前在埃及的曠野怎樣審判你們的祖先,也必怎樣審判你們。這是主耶和華說的。
- 聖經新譯本 - 我怎樣在埃及地的曠野審判你們的祖先,也必怎樣審判你們。這是主耶和華的宣告。
- 呂振中譯本 - 我怎樣在 埃及 地的曠野判罰你們祖先,我也要怎樣判罰你們: 這是 主永恆主發神諭說 的 。
- 現代標點和合本 - 我怎樣在埃及地的曠野刑罰你們的列祖,也必照樣刑罰你們。這是主耶和華說的。
- 文理和合譯本 - 我鞫爾、如在埃及曠野鞫爾列祖、主耶和華言之矣、
- 文理委辦譯本 - 與昔在埃及曠野、斥爾祖之非無異、我耶和華、已言之矣。
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 我斥爾非、如昔在 伊及 曠野斥爾祖之非、 或作我必審鞫爾如昔在伊及曠野審鞫爾祖然 此乃主天主所言、
- Nueva Versión Internacional - Así como juzgué a sus antepasados en el desierto de Egipto, también los juzgaré a ustedes. Yo, el Señor omnipotente, lo afirmo.
- 현대인의 성경 - 내가 너희 조상들을 이집트 땅에서 이끌어낸 후에 광야에서 그들을 심문한 것처럼 너희를 심문하겠다. 이것은 나 주 여호와의 말이다.
- Новый Русский Перевод - Подобно тому, как Я судился с вашими предками в пустыне земли Египта, так Я буду судиться и с вами, – возвещает Владыка Господь. –
- Восточный перевод - Подобно тому, как Я судился с вашими предками в пустыне земли Египта, так Я буду судиться и с вами, – возвещает Владыка Вечный. –
- Восточный перевод, версия с «Аллахом» - Подобно тому, как Я судился с вашими предками в пустыне земли Египта, так Я буду судиться и с вами, – возвещает Владыка Вечный. –
- Восточный перевод, версия для Таджикистана - Подобно тому, как Я судился с вашими предками в пустыне земли Египта, так Я буду судиться и с вами, – возвещает Владыка Вечный. –
- La Bible du Semeur 2015 - Tout comme j’ai jugé vos ancêtres dans le désert d’Egypte, je vous jugerai vous aussi, le Seigneur, l’Eternel, le déclare.
- Nova Versão Internacional - Assim como julguei os seus antepassados no deserto do Egito, também os julgarei. Palavra do Soberano, o Senhor.
- Hoffnung für alle - Wie ich euren Vorfahren in der Wüste Ägyptens das Urteil gesprochen habe, so werde ich es auch über euch verhängen. Darauf könnt ihr euch verlassen!
- Kinh Thánh Hiện Đại - Ta sẽ xét xử các ngươi tại đó như Ta đã xét xử tổ phụ các ngươi trong hoang mạc sau khi đem chúng ra khỏi Ai Cập, Chúa Hằng Hữu Chí Cao phán.
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - เราจะลงโทษพวกเจ้า อย่างที่เราลงโทษบรรพบุรุษของเจ้าในถิ่นทุรกันดารของแผ่นดินอียิปต์” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
交叉引用
- กันดารวิถี 14:1 - ในคืนนั้นประชาชนทั้งปวงส่งเสียงร้องไห้กันดังระงม
- กันดารวิถี 14:2 - ชุมนุมประชากรทั้งหมดบ่นกับโมเสสและอาโรนว่า “เราน่าจะตายตั้งแต่ยังอยู่ที่อียิปต์! หรือไม่ก็ตายในถิ่นกันดารนี้!
- กันดารวิถี 14:3 - ทำไมองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงพาเรามายังดินแดนนี้ เพียงเพื่อให้ตายด้วยคมดาบ? ลูกเมียของเราจะต้องตกเป็นเชลย เราออกจากที่นี่กลับไปอียิปต์ไม่ดีกว่าหรือ?”
- กันดารวิถี 14:4 - แล้วเขาพูดต่อๆ กันว่า “พวกเราควรจะเลือกผู้นำสักคนและกลับไปอียิปต์กัน”
- กันดารวิถี 14:5 - โมเสสและอาโรนจึงหมอบกราบซบหน้าลงกับพื้นต่อหน้าชุมชนอิสราเอลทั้งปวงที่นั่น
- กันดารวิถี 14:6 - โยชูวาบุตรนูนและคาเลบบุตรเยฟุนเนห์ซึ่งออกไปสำรวจดินแดนด้วยจึงฉีกเสื้อผ้าของตน
- กันดารวิถี 14:7 - และกล่าวแก่ชุมนุมประชากรอิสราเอลทั้งปวงว่า “ดินแดนที่เราเข้าไปสำรวจนั้นดีเยี่ยมจริงๆ
- กันดารวิถี 14:8 - หากองค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดปรานพวกเรา พระองค์จะทรงนำเราเข้าไปในดินแดนที่อุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง และจะยกดินแดนนั้นให้แก่เรา
- กันดารวิถี 14:9 - ขอเพียงแต่เราอย่ากบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย ไม่ต้องกลัวผู้คนในดินแดนนั้น เพราะเราจะกลืนกินพวกเขา สิ่งที่พิทักษ์รักษาเขาก็สูญสิ้นไปแล้ว แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเรา อย่ากลัวพวกเขาเลย”
- กันดารวิถี 14:10 - แต่ชุมนุมประชากรทั้งปวงคบคิดกันจะเอาก้อนหินขว้างเขาทั้งสอง ขณะนั้นพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏที่เต็นท์นัดพบต่อหน้าชนอิสราเอลทั้งปวง
- กันดารวิถี 14:11 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “ประชากรเหล่านี้จะสบประมาทเราไปนานเท่าใด? พวกเขาจะไม่ยอมเชื่อถือเราอีกนานเท่าใด? ทั้งๆ ที่เราได้ทำการอัศจรรย์นานัปการในหมู่พวกเขา
- กันดารวิถี 14:12 - เราจะใช้ภัยพิบัติมาทำลายพวกนั้น แต่เราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งกว่าพวกเขา”
- กันดารวิถี 14:13 - โมเสสกราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ชาวอียิปต์จะได้ยินเรื่องนี้! เรื่องที่พระองค์ทรงนำประชากรเหล่านี้ออกมาจากหมู่พวกเขาโดยฤทธิ์อำนาจของพระองค์
- กันดารวิถี 14:14 - และเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้ผู้คนแถบนี้ฟัง ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพวกเขาได้ยินแล้วว่าพระองค์สถิตอยู่กับประชากรเหล่านี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพวกเขาได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ และทราบว่าเมฆของพระองค์อยู่เหนือพวกเขา พระองค์ทรงนำหน้าพวกเขาไปด้วยเสาเมฆในเวลากลางวันและเสาเพลิงในเวลากลางคืน
- กันดารวิถี 14:15 - หากพระองค์ทรงประหารประชากรทั้งหมดในคราวเดียวกัน ประชาชาติทั้งหลายที่ได้ยินเรื่องนี้จะพูดกันว่า
- กันดารวิถี 14:16 - ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่สามารถนำคนเหล่านี้ไปยังดินแดนที่ทรงสัญญา โดยคำปฏิญาณว่าจะมอบให้ จึงทรงประหารเขาในถิ่นกันดาร’
- กันดารวิถี 14:17 - “บัดนี้ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงอานุภาพดังที่ได้ทรงประกาศไว้ว่า
- กันดารวิถี 14:18 - ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกริ้วช้า บริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง ทรงอภัยบาปและการกบฏ แต่พระองค์จะไม่ทรงละเว้นโทษผู้ที่ทำผิด พระองค์จะทรงลงโทษลูกหลานของเขาเพราะบาปของบรรพบุรุษถึงสามสี่ชั่วอายุคน’
- กันดารวิถี 14:19 - โดยเห็นแก่ความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ขอทรงอภัยโทษบาปของประชากรเหล่านี้ดังที่ได้ทรงอภัยให้เสมอมาตั้งแต่ข้าพระองค์ทั้งหลายออกจากอียิปต์มาจวบจนบัดนี้”
- กันดารวิถี 14:20 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “เราได้อภัยโทษให้พวกเขาตามที่เจ้าขอร้องแล้ว
- กันดารวิถี 14:21 - แต่เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ทั่วพิภพโลกจะเต็มไปด้วยเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าฉันนั้น
- กันดารวิถี 14:22 - ทุกคนที่ได้เห็นเกียรติสิริของเราและเห็นหมายสำคัญที่เราได้ทำทั้งในอียิปต์และในถิ่นกันดารแล้วยังไม่ยอมเชื่อฟังเรา แต่ลองดีกับเรานับสิบครั้ง
- กันดารวิถี 14:23 - ในบรรดาคนเหล่านี้จะไม่มีสักคนเดียวที่จะได้เห็นดินแดนที่เราสัญญาโดยปฏิญาณว่าจะยกให้บรรพบุรุษของเขา จะไม่มีใครที่ดูหมิ่นเรา แล้วจะได้เห็นดินแดนนี้
- กันดารวิถี 14:24 - ส่วนคาเลบผู้รับใช้ของเรามีจิตใจแตกต่างออกไป และติดตามเราอย่างสุดใจ เราจะพาเขาเข้าไปยังดินแดนที่เขาได้สำรวจมา และวงศ์วานของเขาจะได้ครอบครองดินแดนนั้น
- กันดารวิถี 14:25 - เนื่องจากชาวอามาเลข และชาวคานาอันอาศัยอยู่ในหุบเขา พรุ่งนี้เจ้าจะต้องออกเดินทางกลับไปยังถิ่นกันดาร ตามทางถึงทะเลแดง”
- กันดารวิถี 14:26 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
- กันดารวิถี 14:27 - “ชุมชนที่ชั่วร้ายเหล่านี้จะบ่นว่าเราอีกนานเท่าใด? เราได้ยินคำพร่ำบ่นของคนอิสราเอลเหล่านี้แล้ว
- กันดารวิถี 14:28 - ดังนั้นจงบอกพวกเขาว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราจะทำกับเจ้าอย่างที่เจ้าได้พูดไว้ฉันนั้น
- กันดารวิถี 14:29 - คือพวกเจ้าจะล้มตายในถิ่นกันดารนี้ คือพวกเจ้าทุกคนที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไปตามที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ และได้บ่นว่าเรา
- กันดารวิถี 14:30 - จะไม่มีสักคนได้เข้าดินแดนที่เราสัญญาว่าจะยกให้เป็นที่อยู่อาศัยของเจ้า ยกเว้นคาเลบบุตรเยฟุนเนห์กับโยชูวาบุตรนูน
- กันดารวิถี 14:31 - ส่วนลูกหลานที่เจ้าทั้งหลายพูดว่าจะตกเป็นเชลยนั้น เราจะพาเข้าไปชื่นชมดินแดนที่พวกเจ้ามองข้าม
- กันดารวิถี 14:32 - ส่วนพวกเจ้าจะล้มตายในถิ่นกันดารนี้
- กันดารวิถี 14:33 - ลูกหลานของเจ้าจะเลี้ยงแกะอยู่ที่นี่เป็นเวลาสี่สิบปี รับความทุกข์ยากเพราะเหตุที่พวกเจ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา จวบจนคนสุดท้ายในพวกเจ้าล้มตายลงในถิ่นกันดาร
- กันดารวิถี 14:34 - เจ้าจะรับโทษบาปของตนและรู้ว่าการที่เจ้าทำให้เราต่อสู้กับเจ้านั้นเป็นเช่นไรเป็นเวลาสี่สิบปี หนึ่งปีแทนหนึ่งวันของสี่สิบวันแห่งการสำรวจดินแดน’
- กันดารวิถี 14:35 - เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาแล้ว และเราจะทำแก่ชุมชนชั่วร้ายทั้งหมด ซึ่งรวมหัวกันต่อต้านเราตามนี้อย่างแน่นอน พวกเขาจะพบจุดจบในถิ่นกันดารนี้ จะตายที่นี่”
- กันดารวิถี 14:36 - ดังนั้นบรรดาผู้ที่โมเสสใช้ไปสำรวจดินแดนและกลับมารายงานในแง่ร้ายเกี่ยวกับดินแดนนั้น ซึ่งทำให้เหล่าประชากรบ่นว่าโมเสส
- กันดารวิถี 14:37 - คนเหล่านั้นซึ่งกระจายข่าวในแง่ร้ายเกี่ยวกับดินแดนนั้นก็ล้มตายลงด้วยโรคภัยต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า
- กันดารวิถี 14:38 - ในบรรดาคนที่ไปสำรวจ มีเพียงโยชูวาบุตรนูนกับคาเลบบุตรเยฟุนเนห์เท่านั้นที่รอดชีวิตอยู่
- กันดารวิถี 14:39 - เมื่อโมเสสแจ้งเรื่องนี้แก่ปวงชนอิสราเอล พวกเขาพากันร่ำไห้ด้วยความเศร้าเสียใจแสนสาหัส
- กันดารวิถี 14:40 - เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นพวกเขามุ่งหน้าขึ้นไปยังแถบเทือกเขาสูง และกล่าวว่า “เราทำบาปไปแล้ว เราจะขึ้นไปยังดินแดนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้”
- กันดารวิถี 14:41 - แต่โมเสสกล่าวว่า “ทำไมพวกท่านจึงฝ่าฝืนพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า? งานนี้จะไม่สำเร็จ!
- กันดารวิถี 14:42 - อย่าขึ้นไปเลยเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สถิตกับท่าน ท่านจะพ่ายแพ้ศัตรู
- กันดารวิถี 14:43 - เพราะชาวอามาเลขกับชาวคานาอันจะประจันหน้ากับพวกท่านที่นั่น เพราะพวกท่านได้หันหนีจากองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์จะไม่สถิตกับท่าน ท่านจะล้มตายด้วยคมดาบ”
- กันดารวิถี 14:44 - อย่างไรก็ตามพวกเขาดันทุรังบุกขึ้นไปยังดินแดนเทือกเขา ทั้งๆ ที่โมเสสหรือหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้เคลื่อนไปจากค่ายพัก
- กันดารวิถี 14:45 - แล้วชาวอามาเลขกับชาวคานาอันซึ่งอาศัยอยู่ในแถบเทือกเขานั้น ก็ยกกำลังมาโจมตีพวกเขาและไล่ต้อนพวกเขาไปถึงโฮรมาห์
- อพยพ 32:7 - แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงลงไปเถิด เพราะประชากรที่เจ้าพาออกมาจากอียิปต์เสื่อมทรามไปแล้ว
- อพยพ 32:8 - พวกเขาละทิ้งคำบัญชาของเราอย่างรวดเร็วและหล่อรูปเคารพเป็นลูกวัวขึ้นมากราบไหว้และถวายเครื่องบูชา แล้วพูดกันว่า ‘อิสราเอลเอ๋ย นี่คือเทพเจ้าของท่านผู้นำท่านออกมาจากอียิปต์’”
- อพยพ 32:9 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เราเห็นแล้วว่าคนเหล่านี้ดื้อด้านจริงๆ
- อพยพ 32:10 - ด้วยเหตุนี้จงปล่อยไว้ให้เป็นธุระของเราเอง เราจะระบายความโกรธทำลายล้างพวกเขาให้หมด แล้วเราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่”
- อพยพ 32:11 - แต่โมเสสทูลวิงวอนขอพระเมตตาจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเหตุใดจึงทรงพระพิโรธต่อประชากรของพระองค์เอง ผู้ซึ่งพระองค์ทรงพาออกมาจากอียิปต์ด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่และด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์?
- อพยพ 32:12 - เหตุใดจะให้ชาวอียิปต์พูดได้ว่า ‘พระเจ้าทรงล่อพวกเขาออกมาเพื่อฆ่าทิ้งที่ภูเขา และทำลายล้างให้สิ้นจากแผ่นดินโลก’? ขอทรงระงับพระพิโรธและอดกลั้นพระทัยไว้ ไม่ปล่อยให้ภัยพิบัติเกิดแก่ประชากรของพระองค์เอง
- อพยพ 32:13 - ขอทรงระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับเขาเหล่านั้นโดยอ้างพระองค์เองว่า ‘เราจะทวีวงศ์วานของเจ้าให้มากมายดั่งดวงดาวบนท้องฟ้า และเราจะยกดินแดนทั้งหมดนี้ที่เราสัญญาไว้ให้วงศ์วานของเจ้าครอบครองตลอดไป’ ”
- อพยพ 32:14 - องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงเปลี่ยนพระทัยและไม่นำภัยพิบัติมาเหนือประชากรของพระองค์ตามที่ทรงดำริไว้
- อพยพ 32:15 - โมเสสก็ลงมาจากภูเขา นำศิลาสองแผ่นซึ่งจารึกพระบัญญัติสิบประการไว้ทั้งสองด้านลงมาด้วย
- อพยพ 32:16 - บทบัญญัติที่จารึกบนศิลาทั้งสองแผ่นนั้นเป็นลายพระหัตถ์ของพระเจ้าเอง
- อพยพ 32:17 - เมื่อโยชูวาได้ยินเสียงคนข้างล่างโห่ร้องอึกทึกก็เอ่ยกับโมเสสว่า “ฟังดูเหมือนกำลังรบกันอยู่ในค่ายพัก”
- อพยพ 32:18 - แต่โมเสสตอบว่า “นั่นไม่ใช่เสียงของคนชนะ ไม่ใช่เสียงของคนแพ้ แต่ที่เราได้ยินนั้นเป็นเสียงร้องรำทำเพลง”
- อพยพ 32:19 - เมื่อลงมาใกล้ค่ายพัก โมเสสมองเห็นรูปลูกวัวและคนร่ายรำ โทสะของเขาก็พลุ่งขึ้นจึงทุ่มศิลาจารึกลงกับพื้นจนแตกกระจายอยู่ที่เชิงเขานั้นเอง
- อพยพ 32:20 - และเขาเอารูปลูกวัวนั้นมาเผาไฟ แล้วบดเป็นผงโรยลงน้ำและบังคับให้ชนอิสราเอลดื่ม
- อพยพ 32:21 - โมเสสถามอาโรนว่า “คนพวกนี้ทำอะไรท่านหรือ ท่านจึงนำพวกเขาเข้าสู่บาปที่ร้ายแรงถึงเพียงนี้?”
- อพยพ 32:22 - อาโรนตอบว่า “โอ เจ้านาย อย่าเพิ่งโมโหเลย ท่านก็รู้จักคนพวกนี้ดีว่าเขาโน้มเอียงไปทางชั่วแค่ไหน
- อพยพ 32:23 - พวกเขากล่าวกับข้าพเจ้าว่า ‘ช่วยสร้างเทพเจ้าขึ้นมานำพวกเราไป เพราะเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโมเสสผู้ที่นำเราออกมาจากอียิปต์’
- อพยพ 32:24 - ข้าพเจ้าจึงบอกพวกเขาว่า ‘ใครมีเครื่องทองก็จงถอดออกมา’ พวกเขาก็เอาทองมาให้ ข้าพเจ้าโยนทองลงไปในไฟก็ได้ออกมาเป็นลูกวัวนี่แหละ!”
- อพยพ 32:25 - เมื่อโมเสสเห็นว่าประชากรเตลิดไปโดยแรงสนับสนุนจากอาโรน เป็นที่น่าเย้ยหยันสำหรับศัตรู
- อพยพ 32:26 - ดังนั้นเขาจึงไปยืนตรงทางเข้าค่ายและกล่าวว่า “ทุกคนที่อยู่ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าจงมาหาเรา” แล้วคนเลวีทั้งหมดก็มา
- อพยพ 32:27 - แล้วเขากล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘แต่ละคนจงถือดาบตะลุยไปทั่วค่าย ฆ่าทุกคนแม้ว่าจะเป็นพี่น้อง เพื่อน หรือเพื่อนบ้านก็ตาม’ ”
- อพยพ 32:28 - พวกเลวีก็ปฏิบัติตามที่โมเสสบัญชา โดยได้สังหารคนถึงสามพันคนในวันนั้น
- อพยพ 32:29 - โมเสสกล่าวว่า “ในวันนี้พวกท่านได้แยกตัวเองออกมาเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะท่านเชื่อฟังพระองค์ ถึงแม้ว่าต้องต่อสู้กับลูกหรือพี่น้องของตัวเอง พระองค์ทรงอวยพรท่านทั้งหลายในวันนี้”
- อพยพ 32:30 - วันรุ่งขึ้นโมเสสกล่าวกับเหล่าประชากรว่า “ท่านได้ทำบาปอย่างใหญ่หลวง แต่บัดนี้เราจะขึ้นไปเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเผื่อบางทีจะทูลขอการอภัยโทษบาปของท่านได้”
- อพยพ 32:31 - โมเสสจึงกลับไปเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและกราบทูลว่า “ประชากรเหล่านี้ทำบาปร้ายแรงอะไรเช่นนี้! พวกเขาได้สร้างรูปเคารพทองคำ
- อพยพ 32:32 - ถึงกระนั้นขอทรงกรุณาอภัยโทษบาปของพวกเขา หาไม่แล้วขอทรงลบข้าพระองค์ออกจากหนังสือที่ทรงเขียนไว้”
- อพยพ 32:33 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบโมเสสว่า “ผู้ใดก็ตามที่ทำบาปต่อเรา เราจะลบออกจากหนังสือของเรา
- อพยพ 32:34 - บัดนี้จงไปเถิด นำเหล่าประชากรนี้ไปยังสถานที่ซึ่งเราบอกเจ้าไว้แล้ว ทูตของเราจะนำหน้าพวกเจ้าไป อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลา เราจะลงโทษบาปของพวกเขา”
- อพยพ 32:35 - แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้เกิดภัยพิบัติแก่ประชากร เพราะพวกเขานมัสการลูกวัวซึ่งอาโรนทำขึ้น
- กันดารวิถี 16:1 - โคราห์บุตรอิสฮาร์ ผู้เป็นบุตรของโคฮาท ผู้เป็นบุตรของเลวี และชายเผ่ารูเบนคือดาธานกับอาบีรัมบุตรเอลีอับ และโอนบุตรเปเลท มีใจเหิมเกริม
- กันดารวิถี 16:2 - และลุกฮือขึ้นต่อต้านโมเสส มีผู้นำที่มีชื่อเสียง 250 คนซึ่งเคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภามาเข้าพวกด้วย
- กันดารวิถี 16:3 - พวกเขารวมตัวกันต่อต้านโมเสสกับอาโรน และกล่าวกับเขาทั้งสองว่า “ท่านทำเกินไปแล้ว! ชุมชนทั้งหมดล้วนบริสุทธิ์และองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่กับพวกเขา ทำไมท่านจึงตั้งตัวอยู่เหนือชุมนุมประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้า?”
- กันดารวิถี 16:4 - เมื่อโมเสสได้ยินเช่นนี้ก็หมอบกราบซบหน้าลง
- กันดารวิถี 16:5 - แล้วเขากล่าวกับโคราห์และพรรคพวกว่า “พรุ่งนี้เช้าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงแสดงให้เห็นว่าใครเป็นคนของพระองค์ ใครเป็นผู้บริสุทธิ์ และพระองค์จะทรงให้ผู้นั้นเข้ามาใกล้พระองค์ ผู้ที่พระองค์ทรงเลือก พระองค์จะทรงให้เข้าใกล้ชิดพระองค์
- กันดารวิถี 16:6 - โคราห์และพรรคพวกของท่านทุกคนจงทำอย่างนี้
- กันดารวิถี 16:7 - พรุ่งนี้จงเอากระถางไฟมาจุด แล้วใส่เครื่องหอมต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกจะเป็นผู้บริสุทธิ์ ลูกหลานเลวีเอ๋ยท่านทำเกินไปแล้ว!”
- กันดารวิถี 16:8 - โมเสสกล่าวกับโคราห์ด้วยว่า “ฟังเถิด คนเลวีเอ๋ย!
- กันดารวิถี 16:9 - ยังไม่พอหรือที่พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงเลือกท่านจากชุมนุมประชากรอิสราเอลให้เข้ามาใกล้พระองค์ มาปฏิบัติหน้าที่ในพลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและได้ยืนอยู่ต่อหน้าชุมชนอิสราเอลเพื่อปรนนิบัติพวกเขา
- กันดารวิถี 16:10 - พระเจ้าได้ทรงนำท่านกับพี่น้องทุกคนในเผ่าเลวีมาใกล้พระองค์ แต่นี่ท่านจะเรียกร้องเอาตำแหน่งปุโรหิตด้วย
- กันดารวิถี 16:11 - ที่ท่านกับพวกรวมตัวกันมาอย่างนี้ เป็นการต่อต้านองค์พระผู้เป็นเจ้าอาโรนเป็นใครเล่าที่ท่านจะมาบ่นว่าเขา?”
- กันดารวิถี 16:12 - แล้วโมเสสจึงเรียกดาธานและอาบีรัมบุตรเอลีอับมาพบ แต่คนทั้งสองพูดว่า “เราจะไม่ไป!
- กันดารวิถี 16:13 - ที่ท่านพาเราออกมาจากดินแดนอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง เพื่อมาฆ่าในถิ่นกันดารนี้ยังไม่พอหรือ? และบัดนี้ยังอยากเป็นเจ้าเป็นนายเหนือพวกเราอีกหรือ?
- กันดารวิถี 16:14 - มิหนำซ้ำท่านก็ไม่ได้พาเราเข้าสู่ดินแดนอันอุดมด้วยน้ำนมน้ำผึ้ง หรือยกไร่นา สวนองุ่นให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเราเลย คิดจะตบตา คนพวกนี้หรือ? เราจะไม่ไป!”
- กันดารวิถี 16:15 - โมเสสโกรธมากและกราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ขออย่าทรงรับเครื่องบูชาของพวกเขาเลย ข้าพระองค์ไม่เคยแม้แต่ริบลาของพวกเขามาสักตัวหนึ่งและไม่เคยทำผิดต่อพวกเขาเลย”
- กันดารวิถี 16:16 - โมเสสกล่าวกับโคราห์ว่า “พรุ่งนี้ท่านกับพรรคพวกจงมาเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าอาโรนก็จะมาด้วย
- กันดารวิถี 16:17 - แต่ละคนจงเอากระถางไฟใส่เครื่องหอมมาคนละหนึ่งกระถาง รวมทั้งหมด 250 กระถาง มาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าท่านและอาโรนก็จะเอากระถางไฟมาถวายด้วย”
- กันดารวิถี 16:18 - แต่ละคนจึงนำกระถางไฟของตนมาจุดไฟใส่เครื่องหอมยืนอยู่กับโมเสสและอาโรนที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ
- กันดารวิถี 16:19 - เมื่อโคราห์รวบรวมสมัครพรรคพวกประจันหน้ากับโมเสสและอาโรนที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ พระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏต่อหน้าชุมนุมประชากรทั้งหมด
- กันดารวิถี 16:20 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
- กันดารวิถี 16:21 - “จงแยกตัวเจ้าออกจากชุมนุมประชากรนี้ เพื่อเราจะได้ล้างผลาญพวกเขาให้หมดสิ้นในชั่วพริบตา”
- กันดารวิถี 16:22 - แต่โมเสสกับอาโรนหมอบซบลงกับพื้น และร้องทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้า พระเจ้าแห่งจิตวิญญาณของมวลมนุษยชาติ พระองค์จะทรงพระพิโรธชุมนุมประชากรทั้งหมดเมื่อคนเพียงคนเดียวทำบาปหรือ?”
- กันดารวิถี 16:23 - แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
- กันดารวิถี 16:24 - “จงบอกชุมนุมประชากรว่า ‘จงถอยห่างจากเต็นท์ของโคราห์ ดาธาน และอาบีรัม’ ”
- กันดารวิถี 16:25 - โมเสสจึงลุกขึ้นไปหาดาธานกับอาบีรัม มีพวกผู้อาวุโสของอิสราเอลติดตามไปด้วย
- กันดารวิถี 16:26 - โมเสสเตือนชุมนุมประชากรว่า “จงถอยห่างจากเต็นท์ของคนชั่วร้ายพวกนี้! อย่าแตะต้องสิ่งของใดๆ ของเขา มิฉะนั้นท่านจะพลอยถูกกวาดล้างไปด้วยเพราะบาปทั้งสิ้นของพวกเขา”
- กันดารวิถี 16:27 - คนทั้งหลายจึงถอยห่างจากเต็นท์ของโคราห์ ดาธาน และอาบีรัม ดาธานกับอาบีรัมออกมายืนอยู่ที่ประตูเต็นท์พร้อมกับบุตร ภรรยา และเด็กๆ
- กันดารวิถี 16:28 - โมเสสกล่าวว่า “โดยวิธีนี้ท่านทั้งหลายจะได้รู้กันว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ให้ข้าพเจ้าทำสิ่งต่างๆ ทั้งหมดนี้ และข้าพเจ้าไม่ได้ทำไปตามความคิดของข้าพเจ้าเอง
- กันดารวิถี 16:29 - หากคนเหล่านี้ตายไปอย่างปกติวิสัยอันเกิดแก่มนุษย์ ก็แสดงว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงใช้ข้าพเจ้ามา
- กันดารวิถี 16:30 - แต่หากองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำการอัศจรรย์ และพื้นธรณีแยกออกกลืนคนเหล่านี้ พร้อมทั้งข้าวของทุกอย่างของเขาและพวกเขาลงไปสู่แดนมรณาทั้งเป็น ท่านทั้งหลายก็จะได้รู้ว่าคนเหล่านี้ได้ลบหลู่องค์พระผู้เป็นเจ้า”
- กันดารวิถี 16:31 - ทันทีที่โมเสสพูดจบ พื้นธรณีก็แยกออกตรงบริเวณที่โคราห์กับพวกยืนอยู่
- กันดารวิถี 16:32 - สูบเอาพวกเขา ทั้งคนในครัวเรือนและคนของเขาทุกคน ตลอดจนทรัพย์สมบัติทุกอย่างของเขาลงไป
- กันดารวิถี 16:33 - คนเหล่านี้ลงไปสู่แดนมรณาทั้งเป็น พร้อมกับทุกสิ่งที่เขาครอบครอง แล้วพื้นแผ่นดินก็กลบฝังพวกเขาจนพินาศหายไปจากชุมชน
- กันดารวิถี 16:34 - ประชากรอิสราเอลพากันหนีกระเจิดกระเจิงเพราะเสียงร้องของคนเหล่านั้น พลางร้องว่า “ธรณีกำลังจะสูบพวกเราไปด้วยแล้ว!”
- กันดารวิถี 16:35 - และมีไฟจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเผาผลาญคน 250 คนที่กำลังเผาเครื่องหอมถวาย
- กันดารวิถี 16:36 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
- กันดารวิถี 16:37 - “จงสั่งปุโรหิตเอเลอาซาร์บุตรอาโรนให้เอากระถางไฟออกจากกองไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ และเกลี่ยถ่านทิ้งให้ห่างออกไปเพราะกระถางไฟนั้นบริสุทธิ์
- กันดารวิถี 16:38 - ให้นำกระถางไฟของคนเหล่านั้นซึ่งถูกประหารชีวิตเพราะทำบาปมาตีเป็นแผ่นโลหะปิดที่แท่นบูชา ด้วยว่ากระถางไฟเหล่านี้บริสุทธิ์ เพราะได้ถวายต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว แผ่นโลหะปิดแท่นบูชานี้จะเป็นสิ่งเตือนใจประชากรอิสราเอล”
- กันดารวิถี 16:39 - ปุโรหิตเอเลอาซาร์จึงเอาทองสัมฤทธิ์ที่ได้จากกระถางไฟของคนที่ถูกเผามาตีเป็นแผ่นโลหะปิดแท่นบูชา
- กันดารวิถี 16:40 - ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสสั่งเขาผ่านทางโมเสส เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจประชากรอิสราเอล ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีสิทธิ์คือ ผู้ที่ไม่ใช่วงศ์วานของอาโรนมาเผาเครื่องหอมต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้ามิฉะนั้นจะเกิดเภทภัยกับเขาเหมือนที่เกิดกับโคราห์กับพรรคพวก
- กันดารวิถี 16:41 - เช้าวันรุ่งขึ้นชุมชนอิสราเอลทั้งปวงพากันบ่นว่าโมเสสกับอาโรนว่า “ท่านได้ฆ่าคนขององค์พระผู้เป็นเจ้า”
- กันดารวิถี 16:42 - แต่เมื่อชุมนุมประชากรรวมตัวกันต่อต้านโมเสสกับอาโรน และเหลียวมองไปที่เต็นท์นัดพบ ทันใดนั้นเมฆมาคลุมพลับพลาและพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าปรากฏขึ้น
- กันดารวิถี 16:43 - แล้วโมเสสกับอาโรนไปยืนตรงหน้าเต็นท์นัดพบ
- กันดารวิถี 16:44 - และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
- กันดารวิถี 16:45 - “จงไปจากชุมนุมประชากรนี้ เพื่อเราจะได้ล้างผลาญพวกเขาเสียทันที” โมเสสกับอาโรนหมอบกราบซบหน้าลงกับพื้น
- กันดารวิถี 16:46 - โมเสสพูดกับอาโรนว่า “รีบเอากระถางไฟใส่ไฟจากแท่นบูชา โปรยเครื่องหอมใส่ แล้วรีบยกไปยังเหล่าประชากร ลบบาปให้พวกเขา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธให้เกิดโรคระบาดขึ้นแล้ว”
- กันดารวิถี 16:47 - อาโรนก็ทำตามที่โมเสสบอกและวิ่งเข้าไปในหมู่ประชากร เพราะภัยพิบัติเริ่มขึ้นแล้ว แต่อาโรนถวายเครื่องหอมและลบบาปสำหรับพวกเขา
- กันดารวิถี 16:48 - เขายืนอยู่ระหว่างคนเป็นกับคนตาย แล้วภัยพิบัติก็สงบลง
- กันดารวิถี 16:49 - แต่มีคนถึง 14,700 คนตายไปแล้วเพราะภัยพิบัติ ทั้งนี้ไม่นับคนที่ได้ตายไปพร้อมกับโคราห์
- กันดารวิถี 16:50 - แล้วอาโรนจึงกลับมาหาโมเสสที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบเพราะภัยพิบัติสงบลงแล้ว
- กันดารวิถี 25:1 - ขณะอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ที่ชิทธีม พวกผู้ชายเริ่มทำผิดทางเพศกับหญิงชาวโมอับ
- กันดารวิถี 25:2 - ผู้เชื้อเชิญพวกเขาไปร่วมเซ่นสังเวยแก่พระของพวกนาง พวกเขาก็ร่วมงานเลี้ยงและกราบไหว้พระเหล่านั้น
- กันดารวิถี 25:3 - อิสราเอลหันไปร่วมนมัสการพระบาอัลแห่งเปโอร์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอิสราเอลยิ่งนัก
- กันดารวิถี 25:4 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงนำตัวบรรดาผู้นำของประชาชนเหล่านั้นมาประหาร แล้วแขวนไว้กลางแดดระอุต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อพระพิโรธอันรุนแรงขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะหันเหไปจากอิสราเอล”
- กันดารวิถี 25:5 - ดังนั้นโมเสสจึงสั่งเหล่าตุลาการของอิสราเอลว่า “พวกท่านแต่ละคนจะต้องประหารคนของพวกท่านที่ได้ร่วมนมัสการพระบาอัลแห่งเปโอร์”
- กันดารวิถี 25:6 - ขณะนั้นชายอิสราเอลคนหนึ่งพาหญิงชาวมีเดียนเข้ามาในค่ายพักต่อหน้าต่อตาโมเสสและชุมนุมประชากรอิสราเอลทั้งหมดซึ่งยืนร่ำไห้อยู่ตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ
- กันดารวิถี 25:7 - เมื่อฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์บุตรของปุโรหิตอาโรนเห็นเช่นนี้ ก็ละจากชุมนุมประชากรและจับทวน
- กันดารวิถี 25:8 - ติดตามชายผู้นั้นเข้าไปในเต็นท์ แล้วพุ่งทวนทะลุร่างของคนทั้งสอง ภัยพิบัติที่เกิดแก่ชนอิสราเอลก็สงบลง
- กันดารวิถี 25:9 - แต่ก็มีผู้เสียชีวิตเพราะภัยพิบัติไปแล้วถึง 24,000 คน
- กันดารวิถี 25:10 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
- กันดารวิถี 25:11 - “ฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ หลานชายปุโรหิตอาโรน เป็นผู้หันโทสะของเราไปจากชนอิสราเอล เพราะเขาเจ็บแค้นแทนเรา เพื่อปกป้องเกียรติของเรา เราจึงหยุดทำลายล้างอิสราเอลตามที่ตั้งใจไว้
- กันดารวิถี 25:12 - ฉะนั้นจงบอกเขาว่าเราได้ตั้งพันธสัญญาแห่งสันติภาพกับเขา
- กันดารวิถี 25:13 - เขากับลูกหลานจะได้ถือพันธสัญญาครองความเป็นปุโรหิตตลอดไป เนื่องจากเขามีใจกระตือรือร้นเพื่อเกียรติของพระเจ้าของเขา และได้ลบบาปให้ชนอิสราเอล”
- กันดารวิถี 25:14 - ชาวอิสราเอลคนที่ถูกประหารพร้อมหญิงชาวมีเดียนนั้นคือศิมรีบุตรของสาลู เขาเป็นผู้นำคนหนึ่งของตระกูลสิเมโอน
- กันดารวิถี 25:15 - หญิงคนนั้นชื่อคสบี บุตรสาวศูร์ซึ่งเป็นผู้นำคนหนึ่งของชาวมีเดียน
- กันดารวิถี 25:16 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
- กันดารวิถี 25:17 - “จงตั้งตนเป็นศัตรูกับชาวมีเดียนและประหารพวกเขา
- กันดารวิถี 25:18 - เพราะพวกเขาทำตัวเป็นศัตรูโดยหลอกลวงพวกเจ้าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่เปโอร์ และเรื่องคสบีบุตรสาวผู้นำแห่งมีเดียน หญิงผู้ถูกประหารในคราวภัยพิบัติอันเนื่องมาจากเปโอร์”
- สดุดี 106:15 - พระองค์จึงประทานตามที่พวกเขาเรียกร้อง แต่ทรงส่งโรคระบาดมาเหนือพวกเขา
- สดุดี 106:16 - ในค่ายพักนั้น พวกเขาเริ่มอิจฉาโมเสส และเริ่มริษยาอาโรนผู้ซึ่งได้รับการชำระและแยกไว้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
- สดุดี 106:17 - ธรณีจึงแยกออกและกลืนดาธาน มันฝังอาบีรัมกับพวก
- สดุดี 106:18 - ไฟปะทุขึ้นในหมู่สมัครพรรคพวกของเขา เปลวไฟเผาผลาญเหล่าคนชั่ว
- สดุดี 106:19 - ที่ภูเขาโฮเรบ พวกเขาได้สร้างเทวรูปลูกวัว และกราบไหว้รูปเคารพซึ่งหล่อขึ้นจากโลหะ
- สดุดี 106:20 - พวกเขาแลกองค์ผู้ทรงเกียรติสิริของพวกเขา กับรูปปั้นของวัวที่กินหญ้า
- สดุดี 106:21 - พวกเขาลืมพระเจ้าผู้ทรงช่วยให้เขารอด ผู้ได้ทรงกระทำพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ในอียิปต์
- สดุดี 106:22 - ทรงกระทำการอัศจรรย์ในดินแดนของฮาม และสิ่งที่น่าเกรงขามที่ทะเลแดง
- สดุดี 106:23 - ดังนั้นพระองค์จึงตรัสว่าจะทรงทำลายพวกเขา ยังดีที่โมเสสผู้ทรงเลือกสรรไว้ได้เข้าเฝ้า ทูลทัดทาน เพื่อหันเหพระพิโรธไม่ให้ทำลายพวกเขา
- สดุดี 106:24 - ต่อมาพวกเขาก็ดูหมิ่นดินแดนอันน่ารื่นรมย์นั้น พวกเขาไม่เชื่อพระสัญญาของพระองค์
- สดุดี 106:25 - พวกเขากลับพร่ำบ่นอยู่ในเต็นท์ที่พัก และไม่เชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า
- สดุดี 106:26 - พระองค์จึงทรงชูพระหัตถ์ปฏิญาณกับพวกเขาว่า พระองค์จะทรงให้พวกเขาล้มตายในถิ่นกันดาร
- สดุดี 106:27 - จะทรงกระทำให้ลูกหลานของพวกเขาไปตกอยู่ในหมู่ชนชาติทั้งหลาย กระจัดกระจายไปยังดินแดนต่างๆ
- สดุดี 106:28 - พวกเขาเข้าเทียมแอกกับพระบาอัลที่เปโอร์ และรับประทานเครื่องเซ่นสังเวยแก่เหล่าเทพเจ้าอันไร้ชีวิต
- สดุดี 106:29 - พวกเขายั่วยุพระพิโรธของพระองค์ด้วยการทำชั่วต่างๆ นานา และเกิดโรคระบาดในหมู่พวกเขา
- สดุดี 106:30 - แต่ฟีเนหัสได้ลุกขึ้นจัดการ โรคระบาดจึงหยุด
- สดุดี 106:31 - นับเป็นความชอบธรรมของเขา สืบไปทุกชั่วอายุ
- สดุดี 106:32 - ที่แหล่งน้ำเมรีบาห์ก็เช่นกัน พวกเขาทำให้พระองค์ทรงพระพิโรธ และทำให้โมเสสเดือดร้อนไปด้วย
- สดุดี 106:33 - เพราะพวกเขากบฏต่อพระวิญญาณของพระเจ้า โมเสสจึงหลุดปากกล่าววาจาเผ็ดร้อน
- สดุดี 106:34 - ทั้งพวกเขาไม่ได้ทำลายชนชาติต่างๆ ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา
- สดุดี 106:35 - แต่พวกเขาผสมปนเปอยู่กับคนต่างชาติ และรับเอาขนบธรรมเนียมของเขาเหล่านั้น
- สดุดี 106:36 - พวกเขานมัสการรูปเคารพของคนเหล่านั้น ซึ่งกลายเป็นกับดักของพวกเขา
- สดุดี 106:37 - พวกเขาเซ่นสังเวยลูกชายลูกสาวของตน แก่ภูติผีปีศาจ
- สดุดี 106:38 - พวกเขาทำให้โลหิตบริสุทธิ์หลั่งริน คือโลหิตของลูกชายลูกสาวของตน ซึ่งพวกเขาเซ่นสังเวยแก่บรรดารูปเคารพของคานาอัน ทำให้แผ่นดินเป็นมลทินด้วยเลือด
- สดุดี 106:39 - พวกเขาทำตัวให้แปดเปื้อนมลทินด้วยสิ่งที่พวกเขาทำ ด้วยพฤติกรรมเยี่ยงโสเภณี
- สดุดี 106:40 - องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงพระพิโรธเหล่าประชากรของพระองค์ และทรงชิงชังผู้ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์
- สดุดี 106:41 - ทรงปล่อยให้พวกเขาตกอยู่ในกำมือของชนชาติต่างๆ ศัตรูของเขาปกครองพวกเขา
- สดุดี 106:42 - ข้าศึกกดขี่ข่มเหงพวกเขา พวกเขาตกอยู่ใต้อำนาจของคนเหล่านั้น
- สดุดี 106:43 - พระองค์ทรงกอบกู้พวกเขาหลายครั้งหลายครา แต่พวกเขาก็ยังคงตั้งหน้ากบฏต่อพระองค์อย่างไม่หยุดหย่อน และต้องเสื่อมไปเพราะบาปของตน
- สดุดี 106:44 - แต่ถึงกระนั้น พระองค์ก็ยังทรงเหลียวแลความทุกข์ลำเค็ญของพวกเขา เมื่อทรงได้ยินเสียงร่ำร้องของพวกเขา
- สดุดี 106:45 - เพราะเห็นแก่พวกเขา พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์ และพระทัยอ่อนลงเพราะความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์
- สดุดี 106:46 - พระองค์ทรงทำให้ทุกคนที่จับพวกเขาไปเป็นเชลย เกิดความสงสารพวกเขา
- สดุดี 106:47 - ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ทั้งหลาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอด ขอทรงรวบรวมข้าพระองค์ทั้งหลายจากชนชาติต่างๆ เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะขอบพระคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์ และยกย่องสรรเสริญพระองค์
- สดุดี 106:48 - ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล จากนิรันดร์กาลจวบจนนิรันดร์กาล ให้ปวงประชากรจงกล่าวว่า “อาเมน!” จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
- เอเสเคียล 20:21 - “ ‘แต่ลูกหลานนั้นก็กบฏต่อเรา พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายของเรา ไม่ได้ใส่ใจรักษาบทบัญญัติของเรา แม้ว่าผู้ที่ปฏิบัติตามจะดำรงชีวิตอยู่ได้โดยบทบัญญัติเหล่านั้น พวกเขาทำให้สะบาโตของเรามัวหมอง เราจึงลั่นวาจาไว้ว่าเราจะเทโทสะอันรุนแรงลงบนพวกเขาและระบายความโกรธต่อพวกเขาในถิ่นกันดาร
- เอเสเคียล 20:13 - “ ‘ถึงอย่างนั้นชนชาติอิสราเอลก็กบฏต่อเราในถิ่นกันดาร พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายของเรา แต่ละคนทิ้งบทบัญญัติของเรา แม้ว่าผู้ที่ประพฤติตามจะดำรงชีวิตอยู่โดยบทบัญญัตินั้น พวกเขาทำให้สะบาโตของเรามัวหมองที่สุด ฉะนั้นเราจึงลั่นวาจาว่าจะระบายโทสะลงเหนือพวกเขา และทำลายล้างพวกเขาในถิ่นกันดาร
- 1โครินธ์ 10:5 - อย่างไรก็ตามพระเจ้าไม่พอพระทัยพวกเขาเกือบทั้งหมด บรรพบุรุษเหล่านั้นจึงล้มตายเกลื่อนกลาดในถิ่นกันดาร
- 1โครินธ์ 10:6 - สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่าง ไม่ให้จิตใจของเราฝักใฝ่ในสิ่งชั่วร้ายเหมือนที่คนเหล่านั้นได้ทำ
- 1โครินธ์ 10:7 - อย่านับถือรูปเคารพเหมือนบางคน ดังที่มีเขียนไว้ว่า “ประชากรนั่งล้อมวงกินดื่มและลุกขึ้นระเริงในงานเลี้ยงอย่างคนนอกศาสนา”
- 1โครินธ์ 10:8 - เราไม่ควรทำผิดศีลธรรมทางเพศเหมือนที่บางคนได้ทำแล้วล้มตายถึง 23,100 คนในวันเดียว
- 1โครินธ์ 10:9 - เราไม่ควรลองดีกับองค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนที่พวกเขาบางคนได้ทำแล้วถูกงูกัดตาย
- 1โครินธ์ 10:10 - และอย่าพร่ำบ่นเหมือนที่พวกเขาบางคนได้ทำแล้วถูกทูตมรณะประหาร
- กันดารวิถี 11:1 - ครั้งนั้นเหล่าประชากรบ่นถึงความทุกข์ยากลำบากของพวกเขา องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสดับ แล้วก็ทรงพระพิโรธ จึงมีไฟจากองค์พระผู้เป็นเจ้าลงมาเผาผลาญคนเหล่านั้นที่รอบนอกของค่าย
- กันดารวิถี 11:2 - พวกเขาร้องขอให้โมเสสช่วย เมื่อเขาอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าไฟก็ดับ
- กันดารวิถี 11:3 - ที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่าทาเบราห์ เพราะมีไฟจากองค์พระผู้เป็นเจ้าลงมาเผาผลาญพวกเขา
- กันดารวิถี 11:4 - ฝูงชนที่มากับพวกเขาเริ่มร้องหาอาหารอย่างอื่น และชาวอิสราเอลเริ่มคร่ำครวญอีกว่า “อยากกินเนื้อเหลือเกิน!
- กันดารวิถี 11:5 - นึกถึงปลาที่เราเคยกินกันในอียิปต์โดยไม่ต้องซื้อ อีกทั้งแตงกวา แตงโม กระเทียมจีน หอมใหญ่ และกระเทียม
- กันดารวิถี 11:6 - แต่ขณะนี้เราเบื่ออาหาร เพราะเราไม่เคยเห็นอาหารอย่างอื่นนอกจากมานา!”
- กันดารวิถี 11:7 - มานามีลักษณะเหมือนเมล็ดผักชี ดูคล้ายๆ ยางไม้ตะคร้ำ
- กันดารวิถี 11:8 - ประชากรเที่ยวเก็บมาตำหรือโม่เป็นแป้ง แล้วต้มและทำเป็นขนม มีรสชาติเหมือนขนมบางอย่างที่ทำจากน้ำมันมะกอก
- กันดารวิถี 11:9 - มานานั้นร่วงลงมาพร้อมกับหยาดน้ำค้างในเวลากลางคืน
- กันดารวิถี 11:10 - โมเสสได้ยินเสียงคร่ำครวญของผู้คนจากทุกครอบครัว แต่ละคนยืนอยู่หน้าทางเข้าเต็นท์ของเขา องค์พระผู้เป็นเจ้ากริ้วยิ่งนัก โมเสสเองก็ลำบากใจอย่างยิ่ง
- กันดารวิถี 11:11 - เขากราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ทำไมจึงทรงให้ผู้รับใช้ของพระองค์เดือดร้อนเช่นนี้? ข้าพระองค์ทำสิ่งใดไม่เป็นที่พอพระทัยหรือ จึงทรงให้ข้าพระองค์แบกภาระทั้งหมดของชนชาตินี้?
- กันดารวิถี 11:12 - ข้าพระองค์ตั้งครรภ์คนเหล่านี้หรือ? ข้าพระองค์ให้กำเนิดเขาหรือ? จึงทรงให้ข้าพระองค์ประคบประหงมพวกเขาราวกับพี่เลี้ยงอุ้มทารกไว้ในอ้อมแขน กว่าจะไปถึงดินแดนที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา
- กันดารวิถี 11:13 - ข้าพระองค์จะไปหาเนื้อจากที่ไหนมาให้คนทั้งหมดนี้? พวกเขาคร่ำครวญกับข้าพระองค์ว่า ‘ให้พวกเราได้กินเนื้อเถิด!’
- กันดารวิถี 11:14 - ข้าพระองค์ตัวคนเดียวหอบหิ้วประชากรทั้งหมดนี้ไปไม่ไหว เป็นภาระหนักเกินทน
- กันดารวิถี 11:15 - หากพระองค์จะทรงทำกับข้าพระองค์อย่างนี้ ก็โปรดเมตตาประหารข้าพระองค์เดี๋ยวนี้เถิด ถ้าข้าพระองค์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ อย่าให้ข้าพระองค์ต้องเผชิญกับความหายนะเลย”
- กันดารวิถี 11:16 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงนำผู้อาวุโสเจ็ดสิบคนของอิสราเอลซึ่งเจ้ารู้จักในฐานะผู้นำและเจ้าหน้าที่ในหมู่ประชากรนั้นมาพบเรา ให้พวกเขามายืนอยู่กับเจ้าที่เต็นท์นัดพบ
- กันดารวิถี 11:17 - เราจะลงมาพูดกับเจ้าที่นั่น และจะเอาพระวิญญาณที่อยู่เหนือเจ้ามอบให้อยู่เหนือคนเหล่านั้นด้วย พวกเขาจะช่วยแบกภาระเรื่องประชากรร่วมกับเจ้า เจ้าจะได้ไม่ต้องรับงานนี้แต่ลำพัง
- กันดารวิถี 11:18 - “จงบอกเหล่าประชากรว่า ‘จงชำระตัวให้บริสุทธิ์ เตรียมพร้อมสำหรับพรุ่งนี้ซึ่งพวกเจ้าจะมีเนื้อกิน องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ยินที่พวกเจ้าโอดครวญแล้วว่า “เราอยากกินเนื้อเหลือเกิน! อยู่ที่อียิปต์ยังดีเสียกว่า!” บัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะให้เจ้ากินเนื้อ
- กันดารวิถี 11:19 - ไม่ใช่เพียงวันสองวัน ห้าวัน สิบวันหรือยี่สิบวัน
- กันดารวิถี 11:20 - แต่พวกเจ้าจะมีเนื้อกินหนึ่งเดือนเต็ม จนล้นออกมาทางจมูกจนเจ้าเอือม เพราะพวกเจ้าปฏิเสธ องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้อยู่ท่ามกลางพวกเจ้า และคร่ำครวญต่อพระองค์ว่า “ทำไมพวกเราต้องจากอียิปต์มา?” ’ ”
- กันดารวิถี 11:21 - แต่โมเสสกราบทูลว่า “ข้าพระองค์มีพลเดินเท้าถึงหกแสนคนยืนอยู่ที่นี่ แล้วพระองค์ยังตรัสว่า ‘เราจะให้เนื้อพวกเขากินตลอดหนึ่งเดือนเต็ม!’
- กันดารวิถี 11:22 - ต่อให้เอาฝูงแพะ แกะ และวัวทั้งหมดมาฆ่ากินจะพอหรือ? หากจะจับปลาหมดทะเลมาให้พวกเขากินจะเพียงพอหรือ?”
- กันดารวิถี 11:23 - องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบโมเสสว่า “มีอะไรที่เกินความสามารถขององค์พระผู้เป็นเจ้าหรือ? คราวนี้เจ้าจะได้เห็นว่าที่เราพูดนั้นจะเป็นจริงหรือไม่”
- กันดารวิถี 11:24 - ดังนั้นโมเสสจึงออกมาแจ้งพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ประชากรทั้งหลายทราบ และเรียกประชุมผู้อาวุโสเจ็ดสิบคนมายืนเรียงรายรอบพลับพลา
- กันดารวิถี 11:25 - แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จลงมาในเมฆตรัสกับโมเสส และทรงนำพระวิญญาณที่อยู่เหนือโมเสสประทานให้อยู่เหนือผู้อาวุโสทั้งเจ็ดสิบคน เมื่อพระวิญญาณประทับอยู่เหนือพวกเขา เขาก็เผยพระวจนะอยู่ชั่วขณะหนึ่ง หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่เผยพระวจนะอีก
- กันดารวิถี 11:26 - แต่มีผู้อาวุโสสองคนในกลุ่มเจ็ดสิบคนคือ เอลดาดและเมดาดยังอยู่ในค่ายพัก ไม่ได้ออกไปที่พลับพลา พระวิญญาณก็เสด็จมาเหนือพวกเขาด้วย และพวกเขาก็เผยพระวจนะอยู่ในค่าย
- กันดารวิถี 11:27 - ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งมาแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้โมเสสทราบว่า “เอลดาดและเมดาดกำลังเผยพระวจนะอยู่ในค่าย”
- กันดารวิถี 11:28 - โยชูวาบุตรนูนซึ่งคอยรับใช้โมเสสมาตั้งแต่หนุ่มๆ ท้วงว่า “โมเสส เจ้านายของข้าพเจ้า โปรดห้ามเขาเถิด!”
- กันดารวิถี 11:29 - แต่โมเสสตอบว่า “ท่านเดือดร้อนแทนเราหรือ? เราอยากให้ประชากรทุกคนขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้เผยพระวจนะและให้องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพระวิญญาณเหนือพวกเขา!”
- กันดารวิถี 11:30 - แล้วโมเสสและบรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอลก็กลับไปยังค่ายพัก
- กันดารวิถี 11:31 - ทันใดนั้นมีกระแสลมจากองค์พระผู้เป็นเจ้าพัดพานกคุ่มจากทะเลมาตกอยู่รอบ ค่ายทุกทิศ สูงพ้นพื้นดิน 2 ศอก เป็นรัศมีเท่ากับระยะทางที่เดินได้ในหนึ่งวัน
- กันดารวิถี 11:32 - ประชากรพากันออกไปจับนกมาฆ่ากินทั้งวันทั้งคืนและตลอดวันรุ่งขึ้น แต่ละคนจับนกคุ่มได้อย่างน้อยคนละประมาณ 2.2 กิโลลิตร พวกเขาเอาเนื้อนกคุ่มตากไว้รอบค่าย
- กันดารวิถี 11:33 - แต่ขณะที่เนื้อยังคาปาก ยังไม่ได้กลืนลงไป พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็พลุ่งขึ้นต่อประชากร พระองค์ทรงประหารพวกเขาด้วยโรคระบาดอย่างรุนแรง
- กันดารวิถี 11:34 - สถานที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า ขิบโรทหัทธาอาวาห์ แปลว่า สุสานแห่งความตะกละ เพราะที่นั่นพวกเขาได้ฝังคนที่ตะกละกินอาหารอื่น
- กันดารวิถี 11:35 - พวกเขาเดินทางต่อจากขิบโรทหัทธาอาวาห์มาถึงฮาเซโรท และพักอยู่ที่นั่น