旧约
- ปฐมกาลปฐมกาล
- อพยพอพยพ
- เลวีนิติเลวีนิติ
- กันดารวิถีกันดารวิถี
- เฉลยธรรมบัญญัติเฉลยธรรมบัญญัติ
- โยชูวาโยชูวา
- ผู้วินิจฉัยผู้วินิจฉัย
- รูธรูธ
- 1 ซามูเอล1 ซามูเอล
- 2 ซามูเอล2 ซามูเอล
- 1 พงศ์กษัตริย์1 พงศ์กษัตริย์
- 2 พงศ์กษัตริย์2 พงศ์กษัตริย์
- 1 พงศาวดาร1 พงศาวดาร
- 2 พงศาวดาร2 พงศาวดาร
- เอสราเอสรา
- เนหะมีย์เนหะมีย์
- เอสเธอร์เอสเธอร์
- โยบโยบ
- สดุดีสดุดี
- สุภาษิตสุภาษิต
- ปัญญาจารย์ปัญญาจารย์
- เพลงซาโลมอนเพลงซาโลมอน
- อิสยาห์อิสยาห์
- เยเรมีย์เยเรมีย์
- เพลงคร่ำครวญเพลงคร่ำครวญ
- เอเสเคียลเอเสเคียล
- ดาเนียลดาเนียล
- โฮเชยาโฮเชยา
- โยเอลโยเอล
- อาโมสอาโมส
- โอบาดีห์โอบาดีห์
- โยนาห์โยนาห์
- มีคาห์มีคาห์
- นาฮูมนาฮูม
- ฮาบากุกฮาบากุก
- เศฟันยาห์เศฟันยาห์
- ฮักกัยฮักกัย
- เศคาริยาห์เศคาริยาห์
- มาลาคีมาลาคี
新约
- มัทธิวมัทธิว
- มาระโกมาระโก
- ลูกาลูกา
- ยอห์นยอห์น
- กิจการของอัครทูตกิจการของอัครทูต
- โรมโรม
- 1 โครินธ์1 โครินธ์
- 2 โครินธ์2 โครินธ์
- กาลาเทียกาลาเทีย
- เอเฟซัสเอเฟซัส
- ฟีลิปปีฟีลิปปี
- โคโลสีโคโลสี
- 1 เธสะโลนิกา1 เธสะโลนิกา
- 2 เธสะโลนิกา2 เธสะโลนิกา
- 1 ทิโมธี1 ทิโมธี
- 2 ทิโมธี2 ทิโมธี
- ทิตัสทิตัส
- ฟีเลโมนฟีเลโมน
- ฮีบรูฮีบรู
- ยากอบยากอบ
- 1 เปโตร1 เปโตร
- 2 เปโตร2 เปโตร
- 1 ยอห์น1 ยอห์น
- 2 ยอห์น2 ยอห์น
- 3 ยอห์น3 ยอห์น
- ยูดายูดา
- วิวรณ์วิวรณ์
圣经版本
设置
显示节号
显示标题
显示脚注
逐节分段
มานาและนกกระทา
1ชาวอิสราเอลทั้งมวลเดินทางต่อไปจากเอลิม และเมื่อถึงวันที่สิบห้าของเดือนที่สอง คือนับตั้งแต่เวลาที่พวกเขาไปจากอียิปต์ พวกเขาก็ได้มาถึงถิ่นทุรกันดารสีนซึ่งอยู่ระหว่างเอลิมและซีนาย
2ชาวอิสราเอลทั้งมวลก็บ่นไม่พอใจต่อว่าโมเสสและอาโรนในถิ่นทุรกันดาร
3และพูดขึ้นว่า “ถ้าแม้ว่าพวกเราจะตายด้วยฝีมือของพระผู้เป็นเจ้าที่อียิปต์ เราก็ยังจะได้นั่งรับประทานเนื้อสัตว์กับขนมปังจนอิ่มหนำ แต่ท่านกลับพาพวกเราออกมาอดอยากจนตายในถิ่นทุรกันดารแห่งนี้”
4พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “ดูเถิด เราจะโปรยขนมปังลงมาจากฟ้าดั่งเม็ดฝนให้พวกเจ้า และผู้คนจะออกไปเก็บให้พอรับประทานในแต่ละวันได้ ก็เพราะเราจะทดสอบพวกเขาดูว่าจะปฏิบัติตามกฎบัญญัติของเราหรือไม่
5ในวันที่หก ให้เขาเก็บและเตรียมอาหารมากกว่าวันอื่นๆ เป็นสองเท่า”
6ดังนั้น โมเสสและอาโรนจึงบอกชาวอิสราเอลทั้งปวงว่า “ตอนเย็นพวกท่านจะรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ที่นำท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
7และรุ่งเช้าท่านจะเห็นพระสง่าราศีของพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ได้ยินท่านบ่นไม่พอใจต่อว่าพระผู้เป็นเจ้า เราทั้งสองเป็นใครหรือ ท่านจึงได้บ่นต่อว่าเรา”
8โมเสสพูดต่ออีกว่า “การที่พระผู้เป็นเจ้าให้เนื้อสัตว์แก่พวกท่านรับประทานในเวลาเย็นและขนมปังในเวลาเช้าจนอิ่มหนำ ก็เป็นเพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ยินท่านบ่นไม่พอใจต่อว่าพระองค์ เราทั้งสองเป็นใครหรือ เวลาท่านบ่นไม่พอใจก็มิใช่เป็นการต่อว่าเรา แต่เป็นการต่อว่าพระผู้เป็นเจ้า”
9โมเสสพูดกับอาโรนว่า “บอกชาวอิสราเอลทั้งมวลว่า ‘จงมาอยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ได้ยินท่านบ่นไม่พอใจแล้ว’”
10และขณะที่อาโรนกำลังพูดอยู่กับชาวอิสราเอลทั้งมวล พวกเขามองไปทางถิ่นทุรกันดาร ดูเถิด พระสง่าราศีของพระผู้เป็นเจ้าปรากฏอยู่ในเมฆ
11พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า
12“เราได้ยินชาวอิสราเอลบ่นไม่พอใจ จงบอกพวกเขาว่า ‘ในเวลาโพล้เพล้พวกเจ้าจะรับประทานเนื้อสัตว์ และเวลาเช้าเจ้าจะรับประทานอาหารจนอิ่ม แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า’”
13ครั้นพอตกเย็นจะมีนกกระทาบินลงมาอยู่เต็มค่าย และในยามเช้าน้ำค้างก็จะตกอยู่รายรอบค่าย
14เมื่อน้ำค้างแห้งเหือดไปแล้วก็มีเกล็ดบางๆ ละเอียดราวกับน้ำค้างแข็งเกาะอยู่บนพื้นดินทั่วถิ่นทุรกันดาร
15เมื่อชาวอิสราเอลเห็นก็พากันถามไถ่ว่า “นี่อะไร” เหตุเพราะไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร โมเสสจึงบอกพวกเขาว่า “เป็นอาหารเกล็ดที่พระผู้เป็นเจ้าให้พวกท่านรับประทาน
16พระผู้เป็นเจ้าสั่งไว้ว่า ‘ทุกคนจงเก็บอาหารเกล็ดนี้ไว้ให้พอที่พวกเจ้าจะรับประทาน คือประมาณคนละ 1 โอเมอร์16:16 1 โอเมอร์ มีประมาณ 2.2-3.5 ลิตรและเก็บได้ตามจำนวนคนในกระโจมของตน’”
17ชาวอิสราเอลทำตามคำนั้น บางคนเก็บมาก บางคนเก็บน้อย
18แต่เมื่อเขาใช้โอเมอร์ตวงแล้ว คนที่เก็บสะสมมากไม่ได้มีเหลือเฟือ และคนที่เก็บสะสมเพียงเล็กน้อยก็ไม่ขัดสน แต่ละคนเก็บได้พอเพียงเท่าที่ตนจะรับประทาน
19แล้วโมเสสพูดกับพวกเขาว่า “อย่าให้ใครมีอาหารเกล็ดเหลือไว้จนรุ่งเช้า”
20แต่พวกเขาไม่ฟังโมเสส บางคนเก็บไว้จนรุ่งเช้า จึงเกิดหนอนขึ้นและส่งกลิ่นเหม็น โมเสสจึงโกรธพวกเขา
21ทุกเช้าแต่ละคนเก็บอาหารเกล็ดมากเท่าที่ตนจะรับประทานได้ แต่เมื่อแดดร้อนจัด อาหารเกล็ดก็ละลาย
22ในวันที่หกพวกเขาเก็บอาหารเกล็ดมากเป็นสองเท่า คือคนละ 2 โอเมอร์ แล้วบรรดาหัวหน้าของมวลชนมารายงานแก่โมเสส
23ท่านบอกพวกเขาว่า “พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาว่า ‘พรุ่งนี้เป็นวันหยุดพักที่แท้จริง เป็นวันสะบาโตที่บริสุทธิ์สำหรับพระผู้เป็นเจ้า อะไรที่ท่านจะอบหรือต้มก็แล้วแต่ ท่านควรเก็บสิ่งที่เหลือไว้จนถึงเช้า’”
24พวกเขาจึงเก็บอาหารเกล็ดไว้จนถึงเช้า ตามที่โมเสสสั่ง อาหารเกล็ดไม่มีกลิ่นเหม็นและไม่ขึ้นหนอน
25โมเสสกล่าวว่า “วันนี้รับประทานอาหารเกล็ดที่เหลือเก็บไว้ เพราะเป็นวันสะบาโตสำหรับพระผู้เป็นเจ้า วันนี้ในทุ่งนาจะไม่มีอาหารเกล็ดให้พวกท่านหาอีก
26ฉะนั้นท่านสามารถเก็บอาหารเกล็ดได้ 6 วัน ส่วนวันที่เจ็ดซึ่งเป็นสะบาโตจะไม่มีอาหารเกล็ดให้เก็บ”
27ในวันที่เจ็ดมีบางคนออกไปเก็บอาหารอีก แต่ก็ไม่พบ
28พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “พวกเจ้าจะยังไม่ปฏิบัติตามคำบัญญัติและกฎบัญญัติของเราไปอีกนานแค่ไหน
29จงใส่ใจว่าพระผู้เป็นเจ้าได้ให้วันสะบาโตแก่เจ้า ฉะนั้นในวันที่หก พระองค์ให้อาหารเกล็ดแก่เจ้าพอสำหรับ 2 วัน ทุกคนในพวกเจ้าจงอยู่กับที่ของตนเอง อย่าให้ใครออกไปจากที่ของตนในวันที่เจ็ด”
30ดังนั้นผู้คนจึงพักผ่อนในวันที่เจ็ด
31ชาวอิสราเอลเรียกชื่ออาหารเกล็ดว่า มานา16:31 มานา แปลว่า นี่อะไร ในภาษาฮีบรู ฉบับอพยพ 16:15 ซึ่งมีลักษณะเหมือนเมล็ดผักชีสีขาว รสชาติเหมือนอาหารเกล็ดกรอบผสมน้ำผึ้ง
32โมเสสพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้าสั่งไว้ว่า ‘จงเก็บมานาไว้ 1 โอเมอร์สำหรับทุกชาติพันธุ์ของเจ้า เพื่อพวกเขาจะได้รู้จักอาหารเกล็ดที่เราให้พวกเจ้ารับประทานในถิ่นทุรกันดาร ในช่วงเวลาที่เราพาเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์’”
33โมเสสพูดกับอาโรนว่า “เอาภาชนะมาใส่มานา 1 โอเมอร์ แล้ววางไว้ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าเพื่อเก็บไว้ให้ทุกชาติพันธุ์ของพวกท่าน”
34อาโรนวางมานาไว้ที่หน้าหีบพันธสัญญาเพื่อเก็บไว้ตามคำพระผู้เป็นเจ้าที่สั่งไว้กับโมเสส
35ชาวอิสราเอลรับประทานมานาเป็นเวลา 40 ปี จนกระทั่งเคลื่อนย้ายมาถึงดินแดนที่จะตั้งรกรากอยู่ได้ พวกเขารับประทานมานาจนเดินทางมาถึงชายแดนของดินแดนคานาอัน
36(1 โอเมอร์ เท่ากับ หนึ่งส่วนสิบเอฟาห์)
New Thai Version Foundation